เลขที่หนังสือ | : กค 0811/พ./9857 |
วันที่ | : 12 ตุลาคม 2544 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการโอนสินค้าภายในหน่วยงานเดียวกัน โดยมีการออกใบกำกับภาษีขายและนำภาษีซื้อไปใช้คำนวณภาษี |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(8), มาตรา 86/13 |
ข้อหารือ | : สำนักงานสรรพากรภาคแจ้งว่าได้รับคำอุทธรณ์ภาษีมูลค่าเพิ่มของโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ คัดค้านการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนมิถุนายน 2540 และเดือนกันยายน 2540 โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้ 1. โรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ สังกัดกรมการอุตสาหกรรมทหารศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกัน ประเทศและพลังงาน ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2525 เป็นหน่วยงานขึ้นตรงต่อ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ดำเนินการผลิตวัตถุระเบิดและกระสุน เพื่อจำหน่ายให้แก่ ส่วนราชการและเอกชน โรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อ วันที่ 3 มกราคม 2536 มีสถานประกอบการตั้งอยู่เลขที่ 99 หมู่ 4 ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ มีการบริหารงานภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ หน่วยงานเงินงบประมาณ และ หน่วยงานเงินทุนหมุนเวียน (กองโรงงาน) 2. เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2541 สำนักงานสรรพากรจังหวัดไปตรวจปฏิบัติการภาษีมูลค่าเพิ่ม และพบว่าในเดือนมิถุนายน 2540 และกันยายน 2540 หน่วยงานเงินงบประมาณได้ออกใบกำกับภาษีขาย ในนามของโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ เป็นผู้ขายให้กับหน่วยงานเงินทุนหมุนเวียน (กองโรงงาน) ใน นามของโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ เป็นผู้ซื้อโดยมิได้นำยอดขายและภาษีขายไปยื่นแบบแสดงรายการเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มแต่ได้นำรายได้จากการขายและภาษีขายนำส่งคลังจังหวัดในบัญชีเงินทุนหมุนเวียนของ โรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ สำหรับใบกำกับภาษีขายดังกล่าวโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ ได้นำไปยื่นแบบ เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งสำนักงานสรรพากรจังหวัดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการขายและมิได้รับ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(1)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้มีการออกใบกำกับภาษี ขายโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ ต้องนำยอดขายและภาษีขายไปยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจึง ประเมินเรียกเก็บภาษีพร้อมเบี้ยปรับตามมาตรา 89(4)แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนกรณีโรงงาน วัตถุระเบิดทหารฯ ได้นำใบกำกับภาษีดังกล่าวขอคืนเป็นภาษีซื้อ จังหวัดได้ประเมินเรียกเก็บภาษีและ เบี้ยปรับตามมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากร |
แนววินิจฉัย | : 1. การโอนสินค้าของโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ ในระหว่างหน่วยงานเงินงบประมาณกับ หน่วยงานเงินทุนหมุนเวียนไม่ถือเป็นการขายตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร เพราะ หน่วยงานทั้งสองถือเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนเดียวกัน หน่วยงานที่โอนสินค้าจึงไม่ต้อง ออกใบกำกับภาษีหรือนำยอดสินค้าไปแสดงเป็นยอดขายและภาษีขาย และหน่วยงานที่รับโอนสินค้าก็ไม่ต้อง นำยอดสินค้าที่รับโอนไปแสดงเป็นยอดซื้อและภาษีซื้อ 2. การที่หน่วยงานเงินงบประมาณ ออกใบกำกับภาษีให้แก่หน่วยงานเงินทุนหมุนเวียนถือว่า เป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย จึงต้องรับผิดในภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ ปรากฏในใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร และต้องเสียเบี้ยปรับอีกสองเท่าของ จำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีตามมาตรา 89(6) แห่งประมวลรัษฎากร และการที่โรงงานวัตถุระเบิด ทหารฯ ยื่นแบบแสดงรายการแจ้งยอดภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีดังกล่าวถือว่าเป็นการแจ้งยอดภาษีซื้อใน เดือนภาษีเกินไป ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับหนึ่งเท่าของจำนวนภาษีซื้อที่แจ้งไว้เกินไปตามมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากร 3. เนื่องจากโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ ได้นำรายได้จากการขายและภาษีขายตาม ใบกำกับภาษีดังกล่าวนำส่งคลังจังหวัดในบัญชีเงินทุนหมุนเวียนของโรงงานวัตถุระเบิดทหารฯ จึงเป็นการ ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิและการแจ้งยอดภาษีซื้อในเดือนภาษีเกินไปอันเกิดจากความสำคัญผิดและ มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงให้เสนอคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพื่องดเบี้ยปรับทั้งนี้ตามข้อ 11 ของ คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.81/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 22 มาตรา 26 มาตรา 67 ตรี มาตรา 89 และ มาตรา 91/21(6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2542 และโรงงานวัตถุระเบิด ทหารฯ ไม่มีความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร เพราะได้ออกใบกำกับภาษีโดยมิได้ เจตนาจะกระทำผิด แต่กระทำไปโดยสำคัญผิดและไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากร สำหรับจำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีจากการกระทำความผิดกรณีออกใบกำกับภาษี โดยไม่มีสิทธิตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่มีกฎหมายให้อำนาจ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ใช้ดุลยพินิจยกเว้นความรับผิดดังกล่าวแต่อย่างใด |
เลขตู้ | : 64/31017 |