เมนูปิด

 

เลขที่หนังสือ: กค 0811/พ./9817
วันที่: 11 ตุลาคม 2544
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 81/3(3), พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 241) พ.ศ. 2534
ข้อหารือ: การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) มีแผนการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เป็นเอกชน
(Privatization) และแยกธุรกิจต่างๆ ให้ออกไปดำเนินการโดยอิสระ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการ
ดังกล่าวตลอดจนเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ปตท. จึง
พิจารณาเตรียมการเพื่อแยกระบบท่อส่งและท่อจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ (Transportation and
Distribution Pipelines) และการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ (Gas Trading) ของ ปตท.
ออกจากกัน และจะจัดตั้งบริษัทที่ดำเนินการด้านท่อส่งก๊าซขึ้น โดยจะเปิดให้บุคคลที่สามสามารถใช้บริการ
ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติได้ (Third Party Acces "TPA") ปตท. เห็นควรที่จะขอให้การดำเนิน
ธุรกิจให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติและ/หรือก๊าซหุงต้มทางท่อ เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ซึ่ง ผู้ประกอบการมีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้
เช่นเดียวกับการให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร
แนววินิจฉัย: ก๊าซธรรมชาติเป็นปิโตรเลียมตามความหมายในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. 2514 และเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเข้าลักษณะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตาม
ความหมายในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2521 ดังนั้น การประกอบกิจการ
ให้บริการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเข้าลักษณะเป็นการให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อใน
ราชอาณาจักร ตามมาตรา 3(3) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย
การกำหนดให้กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ (ฉบับที่ 241) พ.ศ. 2534 ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดให้กิจการที่ได้รับ
ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ (ฉบับที่ 268) พ.ศ. 2536 ซึ่งการประกอบกิจการดังกล่าว
เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(1)(ณ) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ผู้ประกอบการ
มีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา 81/3(3) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 64/31000


 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020