เลขที่หนังสือ | : กค 0811/9105 |
วันที่ | : 17 กันยายน 2544 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการซ่อมรถยนต์ที่อยู่ในระหว่างสัญญารับประกันความเสียหาย |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(10), มาตรา 77/2, มาตรา 86, มาตรา 82/5, มาตรา 82/3, มาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ ประกอบกิจการเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ BMW แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดย บริษัทฯ จะดำเนินการสั่งซื้อรถยนต์ที่ผลิตและประกอบในต่างประเทศจาก บริษัท A ตั้งอยู่ในประเทศ เยอรมัน และที่ประกอบในประเทศจากบริษัท B จำกัด เนื่องจากการซื้อขายทั้ง 2 กรณีดังกล่าวเป็นการ ซื้อขายภายในกลุ่มบริษัท จึงไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายเป็นลายลักษณ์อักษร ในการจำหน่ายรถยนต์ BMW ในประเทศไทย บริษัทฯ ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอิสระ โดยจัดทำเป็นสัญญา 2 ฝ่ายตามรายละเอียดดัง ต่อไปนี้ (1) กรณีตัวแทนจำหน่ายซื้อรถยนต์จากบริษัทฯ และชำระราคาก่อนหรือเมื่อได้ รับรถยนต์หรือ ตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ จะรับประกันความเสียหายอันเนื่องจากขั้นตอนการผลิตรถยนต์เป็นเวลา 12 เดือนนับแต่วันจดทะเบียนรถยนต์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรับประกันความเสียหายต่อชิ้นส่วนตลอด ระยะเวลารับประกันรถยนต์ (2) กรณีตัวแทนจำหน่ายขายรถยนต์ให้กับลูกค้า ตัวแทนจำหน่ายจะต้องรับประกัน ความเสียหายต่อลูกค้าอย่างน้อยเท่ากับมาตรฐานที่บริษัทฯ ได้ให้กับตัวแทนจำหน่าย ทั้งนี้ ตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าจะต้องกรอกรายละเอียด ลงนามในเอกสารรับประกัน และส่งสำเนาคืนให้บริษัทฯ ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ขาย (ส่งมอบ) เพื่อให้การรับประกันมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม การ ซื้อขายรถยนต์ ระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าจะไม่มีการจัดทำสัญญาซื้อขายเป็นลายลักษณ์อักษร มีเพียงหลักฐานเรียก ชำระเงินและใบเสร็จรับเงิน พร้อมเอกสารรับประกันที่ลงนามโดยตัวแทนและลูกค้าตามแบบฟอร์มที่บริษัทฯ กำหนด (3) กรณีรถยนต์เกิดความเสียหายและทำการซ่อมภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน ลูกค้า สามารถนำรถยนต์เข้ารับการซ่อมกับตัวแทนจำหน่ายรายใดก็ได้ที่สัญญากับบริษัทฯ โดย ลูกค้าไม่ต้องเสีย ค่าบริการซ่อม ขณะที่ตัวแทนจำหน่ายที่รับซ่อมรถยนต์สามารถเรียกเก็บเงินจากบริษัทฯ สำหรับค่าใช้จ่ายที่ เกิดขึ้นจากการซ่อมรถยนต์ให้กับลูกค้า และบริษัทฯ สามารถทำการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่บริษัทฯ ได้จ่าย ให้กับตัวแทนจำหน่ายจากบริษัท A ตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมัน หรือ บริษัท B จำกัด แล้วแต่กรณี บริษัทฯ หารือว่า 1. เงินชดเชยที่บริษัทฯ จ่ายคืนให้แก่ตัวแทนจำหน่ายที่ทำการซ่อมรถยนต์ซึ่งอยู่ในระหว่าง สัญญารับประกันความเสียหาย ตัวแทนจำหน่ายจะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และบริษัทฯ จะต้อง หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ 2. เงินชดเชยที่บริษัทฯ เรียกและเก็บจากบริษัท A หรือบริษัท B จำกัด สำหรับการจ่ายให้ กับตัวแทนจำหน่ายที่ทำการซ่อมรถยนต์ให้กับลูกค้าภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน บริษัทฯ มีหน้าที่ต้อง เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และบริษัท B จำกัด มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีลูกค้าได้นำรถยนต์ไปรับบริการซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ที่ตัวแทนจำหน่ายรายใด ๆ ซึ่งมี สัญญากับบริษัทฯ ในระหว่างสัญญารับประกันความเสียหายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ถือเป็น การปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างบริษัทฯ กับตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนจำหน่ายไม่มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษี ให้แก่ลูกค้าสำหรับการให้บริการดังกล่าว กรณีเงินชดเชยที่บริษัทฯ จ่ายให้กับตัวแทนจำหน่าย ถือเป็นการ จ่ายค่าตอบแทนจากการให้บริการ ตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร ตัวแทนจำหน่ายจึงต้อง เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษีให้บริษัทฯ ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/2 และมาตรา 86 แห่ง ประมวลรัษฎากร ใบกำกับภาษีดังกล่าวหากไม่ต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร อนึ่ง เนื่องจากเงินชดเชยที่ตัวแทนจำหน่ายได้รับคืนจากบริษัทฯ ถือเป็นเงินได้จากการ รับจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้มี หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 8(2) ของ คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่ง ประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 2. กรณีบริษัทฯ เรียกเก็บเงินชดเชยหรือค่าบริการคืนจากบริษัท B จำกัด สำหรับการจ่ายให้ กับตัวแทนจำหน่ายที่ทำการซ่อมรถยนต์ให้กับลูกค้าภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน การจ่ายเงินชดเชย ดังกล่าวเป็นปกติตามประเพณีทางการค้าที่บริษัทฯ ได้รับคืน เงินชดเชยดังกล่าวจึงไม่ถือเป็นค่าตอบแทน จากการขายสินค้าหรือให้บริการ ตามมาตรา 77/1(8) และมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัท B จำกัด และเงินชดเชยดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็น เงินได้จากการรับจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัท B จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย |
เลขตู้ | : 64/30927 |