เลขที่หนังสือ | : กค 0811/8543 |
วันที่ | : 31 สิงหาคม 2544 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางเนื่องจากไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 42(1), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2528ฯ, มาตรา 50(1) |
ข้อหารือ | : บริษัท ตะนาว ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแห่งมลรัฐเดลาแวร์ ประเทศ สหรัฐอเมริกา ประกอบกิจการ ขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ โดยมีสำนักงาน สาขาในประเทศไทย ตั้งอยู่เลขที่ 130 132 อาคารสินธรทาวเวอร์ 3 ชั้น 14 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ ได้ขอหารือเกี่ยวกับปัญหาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่สำนักงานสาขาฯ จ่ายให้ แก่พนักงานเนื่องจากการไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ ข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้ 1. สำนักงานสาขาในประเทศไทยของบริษัทฯ ได้ว่าจ้างพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ซึ่งเป็น ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย พนักงานต้อนรับเหล่านี้นอกจากจะได้รับเงินเดือนประจำแล้ว ยังได้รับ ประโยชน์เพิ่มจากการจ้างแรงงานอย่างอื่น อาทิ เช่น ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ซึ่งสาขาฯ เป็นผู้จ่าย พนักงานต้อนรับจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในระหว่างการเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบินในอัตรา เหมาจ่ายเป็นรายวัน เพื่อชดเชย ค่าอาหาร ในขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างประเทศเป็นครั้งคราว เป็น จำนวนเงินแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเส้นทางการบิน ซึ่งจะอยู่ในระหว่าง 2,000 บาท ถึง 2,500 บาท ต่อ วัน การจ่ายจะกระทำเป็นรายเดือนทุกวันที่ 10 ของเดือน 2. ปัจจุบันสาขาฯ ได้นำเอาค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางทั้งจำนวนมารวมเป็นเงินได้ของพนักงาน เพื่อการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 50(1) อย่างไรก็ดี สาขาได้รับ คำแนะนำว่า วิธีการที่สาขาปฏิบัติอยู่ไม่ถูกต้อง สาขาฯ ควรนำค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางเฉพาะส่วนที่เกิน 1,750 บาท มารวมคำนวณเป็นเงินได้ของพนักงาน เพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย เนื่องจากการจ่ายเบี้ยเลี้ยง เดินทางในอัตราที่กำหนด ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(2) เฉพาะส่วนที่เกินอัตราดังกล่าวเท่านั้นที่จะ ต้องเสีย บริษัทฯ จึงขอหารือว่าวิธีการที่สำนักงานสาขาฯ ถือปฏิบัติในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามที่ แจ้งมาถูกต้องหรือไม่ ประการใด |
แนววินิจฉัย | : กรณีที่สำนักงานสาขาฯ ได้จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้แก่พนักงานต้อนรับในระหว่าง การเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างประเทศเป็นครั้งคราวในอัตราระหว่าง 2,000 บาท ถึง 2,500 บาทต่อวัน ซึ่งเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการในการเดินทาง ไปราชการในต่างประเทศ ตามมาตรา 49 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 ประกอบกับข้อ 10 แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเดินทาง และค่าเช่าที่พักในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2534 และบัญชีหมายเลข 3 ท้ายระเบียบฯ ดังกล่าว ประเภท ข. ซึ่งให้เบิกเหมาจ่ายกำหนดในอัตรา 1,750 บาทต่อวัน นั้น หากพนักงานที่ได้รับ ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางจากสำนักงานสาขาฯ ในอัตราที่เกินกว่าอัตราดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้ จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดใน การนั้น ให้ถือว่าค่าเบี้ยเลี้ยงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตรา 1,750 บาทต่อวัน เป็นค่า เบี้ยเลี้ยงซึ่งบุคคล นั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นฯ และได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงานดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 1(3) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.59/2538 สำหรับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในส่วนที่เกินอัตรา 1,750 บาทต่อวัน นั้น สำนักงานสาขาฯ จะ ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ของพนักงานเพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่ง ประมวลรัษฎากร ต่อไป |
เลขตู้ | : 64/30898 |