เลขที่หนังสือ | : กค 0811/8393 |
วันที่ | : 28 สิงหาคม 2544 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรในการปรับปรุง โครงสร้างหนี้ที่มีการฟ้องบังคับหนี้แล้ว |
ข้อกฎหมาย | : พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542ฯ |
ข้อหารือ | : ท่านและบริษัทฯ เป็นหนี้ธนาคาร โดยธนาคารฯ ได้ฟ้องท่านกับพวก และบริษัทฯกับพวก เป็น จำเลยต่อศาลแพ่ง ซึ่งผลการพิจารณาในที่สุดเป็นดังนี้ 1. หนี้ของท่าน ศาลได้มีคำพิพากษาให้ท่าน กับพวก ร่วมกันชำระหนี้ให้แก่ธนาคารฯ 2. หนี้ของบริษัทฯ กับพวก ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาล ท่านและบริษัทฯ มีความประสงค์จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารฯ ในกรณี ดังกล่าว หาก ได้โอนอสังหาริมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : กรณีสถาบันการเงินฟ้องร้องลูกหนี้ต่อศาลเพื่อบังคับชำระหนี้ และศาลได้มีคำพิพากษาบังคับ ชำระหนี้แล้ว หรือได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล หากสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้และ ลูกหนี้ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของ สถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ย่อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตาม พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 ดังนั้น กรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อชำระหนี้ให้แก่สถาบันการเงินเจ้าหนี้จากการปรับปรุง โครงสร้างหนี้ดังกล่าว ย่อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ หากเป็นการโอน อสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้อื่น ซึ่งมิใช่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินกว่าหนี้ที่ค้างชำระอยู่กับสถาบันการเงิน และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไข ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2543 |
เลขตู้ | : 64/30889 |