เลขที่หนังสือ | : กค 0811/5753 |
วันที่ | : 7 มิถุนายน 2544 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการโอนกิจการ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 74(1)(ค) |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถือหุ้นของบริษัทในเครือ และเนื่องจากมี การปรับปรุงโครงสร้างการถือหุ้นและการลงทุนในกลุ่มบริษัท จึงทำให้ต้องเลิกบริษัท โดยจะโอน กิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินทั้งหมด ให้กับบริษัทอื่น บริษัทฯ จะจดทะเบียนเลิกและดำเนินการชำระบัญชีใน รอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันกับที่ได้มีการโอนกิจการ บริษัทฯ จึงหารือว่า 1. กรณีที่บริษัทฯ จะโอนกิจการทั้งหมด เลิกบริษัท และชำระบัญชีในรอบระยะเวลาที่ โอนกิจการ ราคาของทรัพย์สินที่บริษัทฯ โอนให้กับบริษัทผู้รับโอนต้องโอนตามราคาที่ได้มา (ราคาทุน) เนื่องจากการกำหนดให้ตีราคาสินทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันเลิกบริษัท ตามมาตรา 74(1)(ค) แห่ง ประมวลรัษฎากร ให้ทำในบัญชีของบริษัทผู้โอนเท่านั้น แต่ไม่ได้กำหนดให้ถือเอาราคาดังกล่าวเป็นราคา สำหรับการโอนสินทรัพย์จากบริษัทฯ ให้กับบริษัทผู้รับโอน ถูกต้องหรือไม่ 2. หากความเข้าใจตามข้อ 1 ไม่ถูกต้อง และตีความว่า บริษัทฯ ต้องโอนสินทรัพย์ให้กับ บริษัทผู้รับโอนตามราคาตลาด หากมีกำไร (ราคาตลาด ณ วันโอนสูงกว่าราคาทุนตามบัญชี)หรือขาดทุน (ราคาตลาด ณ วันโอนต่ำกว่าราคาทุนตามบัญชี) เกิดขึ้นจากการโอนกิจการ บริษัทฯ ไม่ต้องนำกำไร หรือขาดทุนดังกล่าวมารวมในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิของบริษัทฯ ในรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทฯ ได้ โอนกิจการและเลิกบริษัทถูกต้องหรือไม่ 3. กรณีถ้าเป็นไปตามข้อ 2. (ต้องโอนสินทรัพย์ด้วยราคาตลาด ณ วันโอนกิจการ) หากใน อนาคตบริษัทผู้รับโอนขายหุ้นที่ได้รับโอนจากบริษัทฯ บริษัทผู้รับโอนจะต้องใช้ราคาทุน ที่บริษัทฯ ได้หุ้นมา เป็นต้นทุนในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทผู้รับโอนเมื่อขายหุ้น ดังกล่าว ถูกต้องหรือไม่ 4. กรณีการโอนกิจการทั้งหมดเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรา 74 (1)(ค) แห่ง ประมวลรัษฎากร บริษัทผู้รับโอนต้องเลิกกิจการ และชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการโอนกิจการ บริษัทฯ เข้าใจว่า หากได้มีการชำระบัญชีแล้วแต่ไม่สามารถจดทะเบียนเสร็จสิ้นการชำระบัญชีได้ในรอบ ระยะเวลาเดียวกันกับการชำระบัญชี กรณีนี้ก็ยังถือว่าได้มีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่ โอนกิจการตามบทบัญญัติของมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ถูกต้อง หรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. การคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกรณีการโอนกิจการ ระหว่างบริษัทด้วยกัน โดยบริษัทผู้โอนกิจการได้จดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชี ที่โอนกิจการนั้น ตามมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ตีราคาทรัพย์สินตามราคาตลาด ในวันที่จดทะเบียนเลิก และกำหนดให้นำความตามมาตรา 74(1)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 74(1)(ข) กำหนดไม่ให้ถือว่าราคาทรัพย์สินที่ตีตามราคาตลาดในวันที่จดทะเบียน เลิกเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิของบริษัทเดิมที่ได้โอนกิจการไป ส่วนบริษัทที่ ได้รับโอนกิจการนั้น ให้ถือราคาทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาตามราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทเดิมในวันที่ รับโอนกิจการเพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิจนกว่าจะมีการจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไป ดังนั้น 1.1 กรณีของบริษัทฯ ผู้โอน ทรัพย์สินที่โอนจะต้องตีราคาตามราคาตลาดใน วันที่ จดทะเบียนเลิก หากราคาตลาดนั้นสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาทุน ผลกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ เกิดขึ้นนั้น บริษัทฯ จะนำมาถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่ได้ 1.2 กรณีของบริษัทผู้รับโอน บริษัทผู้รับโอนจะต้องตีราคาทรัพย์สินที่รับโอนมาตาม ราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทเดิม (ราคาทุน) ในวันที่รับโอนกิจการ ในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 2. การโอนกิจการที่จะเข้าหลักเกณฑ์ในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น จะต้องเป็นการโอนกิจการที่ผู้โอน ต้องจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการ ซึ่งการเลิกกิจการนั้น ตาม มาตรา 72 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของ รอบระยะเวลาบัญชี และจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภายใน 150 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนรับ จดทะเบียนเลิก ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ผู้โอนได้จดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่มี การโอนกิจการ แม้ว่าจะยังไม่เสร็จการชำระบัญชีก็ตาม ถือว่า บริษัทฯ ผู้โอนเข้าหลักเกณฑ์ที่จะต้อง คำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 74(1)(ค)แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 64/30578 |