เลขที่หนังสือ | : กค 0811/3074 |
วันที่ | : มีนาคม 2544 |
เรื่อง | : ภาระภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะของรายรับจากธุรกิจบัตรเครดิต และการให้เช่าซื้อสินค้า |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 91/4(2), มาตรา 65 |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ ซึ่งประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจให้เช่าซื้อสินค้าในประเทศไทย ได้ หารือเกี่ยวกับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการประกอบกิจการธุรกิจบัตรเครดิตและ ธุรกิจให้เช่าซื้อสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งมีข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้ 1. ธุรกิจบัตรเครดิต 1.1 บริษัทฯ จะออกบัตรเครดิตให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้านำไปชำระค่า สินค้าหรือบริการแทนเงินสด เมื่อลูกค้าชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิตที่บริษัทฯ ออกให้แล้ว ผู้ประกอบการจะเรียกเก็บเงินจากบริษัทฯ ตามหลักฐานการรับชำระเงินที่มีลายมือชื่อของลูกค้าบริษัทฯ ปรากฏอยู่ตามเวลาที่กำหนดไว้กับบริษัทฯ และเมื่อบริษัทฯ ชำระเงินให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว บริษัทฯ จะ เรียกให้ลูกค้าชำระเงินในจำนวนเงินเบื้องต้นขั้นต่ำที่ลูกค้าได้ตกลงไว้กับบริษัทฯ ซึ่งอยู่ระหว่างร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 10 ของวงเงินเครดิตของลูกค้าแต่ละราย สำหรับจำนวนเงินส่วนที่เหลือลูกค้าจะชำระตาม งวดที่ได้ตกลงไว้กับบริษัทฯ ในการเรียกเก็บเงินจากลูกค้านั้น หากลูกค้าชำระเงินภายในกำหนดในแต่ละ งวด ลูกค้าจะชำระเพียงจำนวนเงินเบื้องต้นขั้นต่ำ ค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการจัดการหมุนเวียน แต่หากลูกค้าผิดนัดชำระเงิน ลูกค้าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้าเพิ่มเติมตามที่ตกลงไว้ ในสัญญาการใช้บัตรเครดิตที่ลูกค้าทำไว้กับบริษัทฯ อีกด้วย อนึ่ง นอกจากการใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการแล้ว ลูกค้าอาจเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากตู้บริการเบิกถอนเงินสดของธนาคารต่าง ๆ หรือโทรศัพท์แจ้งบริษัทฯ ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของลูกค้าตามที่แจ้งไว้กับบริษัทฯ โดยลูกค้าต้องเสียค่าธรรมเนียมและ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เป็นการเพิ่มเติม 1.2 ในการให้บริการบัตรเครดิตดังกล่าว บริษัทฯ เรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมจากลูกค้าดังต่อไปนี้ (ก) ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Membership fee) ซึ่ง เรียกเก็บจากลูกค้าเพียงครั้งเดียว เมื่อสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิต โดยเรียกเก็บเป็นจำนวนเงินที่ แน่นอน (ข) ค่าธรรมเนียมรายปี (Annual fee) ซึ่งเป็น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากลูกค้าเป็นรายปีในจำนวนเงินที่แน่นอน 1.3 นอกจากค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปีแล้ว ลูกค้าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมจากการใช้บริการบัตรเครดิตของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้ (ก) ค่าดอกเบี้ยสำหรับเงินค้างชำระ (Interest rate) ซึ่งเรียกเก็บเป็นอัตราร้อยละต่อเดือนของจำนวนเงินที่ค้างชำระ (ข) ค่าธรรมเนียมการจัดการหมุนเวียน (Revolving management fee) ซึ่งเรียกเก็บจากลูกค้า โดยเรียกเก็บเป็นอัตราร้อยละต่อเดือนของจำนวนเงินที่ ค้างชำระดังเช่นค่าดอกเบี้ยตามข้อ 1.3 (ก) (ค) ค่าปรับกรณีการชำระเงินล่าช้า (Late payment penalties) ซึ่งเรียกเก็บจากลูกค้าเพิ่มเติมในกรณีที่ลูกค้าผิดนัดชำระเงินเบื้องต้นขั้นต่ำหรือเงินค่างวด ล่าช้า โดยเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 8 ของเงินเบื้องต้นขั้นต่ำหรือเงินค่างวดที่ผิดนัดชำระล่าช้า 1.4 ในกรณีลูกค้าใช้บัตรเครดิตของบริษัทฯ เบิกถอนเงินสดล่วงหน้า จากตู้บริการเบิกถอนเงินของธนาคารต่าง ๆ หรือโทรศัพท์แจ้งบริษัทฯ ให้นำเงินเข้าบัญชีธนาคารของ ลูกค้า ลูกค้าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ (ก) ค่าดอกเบี้ยของเงินสดล่วงหน้า (Interest on cash advance) ซึ่งเรียกเก็บจากลูกค้า โดยคำนวณจากอัตราร้อยละต่อปีของจำนวนเงินที่เบิกถอน ล่วงหน้าซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเดียวกันกับอัตราดอกเบี้ยในข้อ 1.3 (ก) (ข) ค่าธรรมเนียมการจัดการหมุนเวียน (Revolving management fee) ซึ่งเรียกเก็บจากลูกค้า โดยเรียกเก็บเป็นอัตราร้อยละต่อเดือนของจำนวนเงินที่ ค้างชำระดังเช่นดอกเบี้ยตาม 1.3 (ก) (ค) ในกรณีที่ลูกค้าผิดนัดชำระคืนเงินสดล่วงหน้า ลูกค้าจะ ต้องรับผิดต่อบริษัทฯ จากการชำระหนี้ล่าช้าในทำนองเดียวกับการชำระเงินค่างวดล่าช้าตามที่กล่าวในข้อ 1.3 (ก) ข้างต้น 2. การให้เช่าซื้อสินค้า 2.1 ในการประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อนั้น บริษัทฯ จะทำสัญญากับ ห้างสรรพสินค้า (ห้าง) หรือร้านค้า โดยหากลูกค้าสนใจเช่าซื้อสินค้าของห้างหรือร้านค้า ห้างหรือ ร้านค้าจะดำเนินการให้ลูกค้าลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทฯ พร้อมกับชำระเงินงวดแรกให้กับ บริษัทฯ โดยผ่านทางห้างหรือร้านค้า เมื่อลูกค้าลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าซื้อและชำระเงินค่าเช่าซื้องวด แรกให้กับบริษัทฯ แล้ว บริษัทฯ จะชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ห้างหรือร้านค้าตามจำนวนที่เรียกเก็บหรือตาม จำนวนที่มีส่วนลด แล้วแต่ความตกลงระหว่างบริษัทฯ กับห้างหรือร้านค้าเป็นคราว ๆ ไป การคำนวณเงิน ค่าเช่าซื้อที่เรียกเก็บจากลูกค้า และเงินค่าสินค้าที่บริษัทฯ ต้องชำระเงินให้แก่ห้างหรือร้านค้าจะเป็นไป ตามแนวทางดังต่อไปนี้ 2.2 ในกรณีทั่วไป ราคาที่บริษัทฯ ให้เช่าซื้อจะเท่ากับราคาเงินสดของ สินค้าที่ห้างหรือร้านค้าขายให้แก่ผู้ซื้อทั่วไป บวกด้วยดอกเบี้ยที่คำนวณจากราคาสินค้าดังกล่าวตามอัตรา และระยะเวลาที่ลูกค้าต้องการผ่อนชำระ ในการบันทึกรายการทางบัญชี บริษัทฯ จะบันทึกราคาเช่าซื้อ สินค้าที่ลูกค้ายังไม่ได้ชำระ ในบัญชีลูกหนี้และเมื่อครบกำหนดชำระเงินค่างวดแต่ละงวด บริษัทฯ จะรับรู้ ส่วนดอกเบี้ยของเงินค่างวดที่ถึงกำหนดชำระนั้นเป็นรายได้ของบริษัทฯ ประเภทดอกเบี้ย 2.3 ในกรณีที่ห้างหรือร้านค้าประสงค์จะร่วมกับบริษัทฯ ส่งเสริม การขายสินค้าของตนด้วยการให้เช่าซื้อ โดยไม่คิดดอกเบี้ยจากลูกค้า ราคาให้เช่าซื้อที่บริษัทฯ เรียกเก็บ จากลูกค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อจะเท่ากับราคาเงินสดของสินค้าที่ห้างหรือร้านค้าขายให้แก่ผู้ซื้อทั่วไป โดย ไม่มีการคิดดอกเบี้ยเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนภาระดอกเบี้ยนั้น ห้างหรือร้านค้าจะเป็นผู้รับภาระแทนลูกค้า ตามข้อตกลงการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายระหว่างบริษัทฯ กับห้างหรือร้านค้า กล่าวคือ เมื่อห้างหรือ ร้านค้าส่งหนังสือเรียกเก็บเงินค่าสินค้ามายังบริษัทฯ ในจำนวนเต็ม บริษัทฯ จะชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ ห้างหรือร้านค้าในจำนวนเต็มดังกล่าว และจะเรียกเก็บค่าดอกเบี้ยที่ห้างหรือร้านค้าต้องรับภาระ ซึ่งใน การบันทึกรายการทางบัญชีในกรณีนี้บริษัทฯ จะบันทึกเป็นดอกเบี้ยรับล่วงหน้า และรับรู้เป็นรายได้ประเภท ดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ตามงวดชำระค่าเช่าซื้อของลูกค้าแต่ละราย 2.4 ในกรณีผู้ผลิตร่วมส่งเสริมการขายสินค้ากับบริษัทฯ ด้วยการคิด ดอกเบี้ยในอัตราศูนย์กับลูกค้า โดยผู้ผลิตเป็นผู้รับภาระค่าดอกเบี้ยแทนลูกค้า ในกรณีดังกล่าวห้างหรือ ร้านค้าจะเรียกเก็บเงินจากบริษัทฯ ในจำนวนเต็ม และบริษัทฯ จะชำระด้วยจำนวนเต็มเช่นกัน เมื่อ บริษัทฯ ชำระค่าสินค้าให้แก่ห้างหรือร้านค้าจำนวนเต็มแล้ว บริษัทฯ จะออกหนังสือเรียกเก็บเงินค่า ดอกเบี้ยที่บริษัทฯ พึงเรียกเก็บจากลูกค้าจากผู้ผลิต และบันทึกและรับรู้เงินจำนวนในลักษณะเดียวกับการ บันทึกและรับรู้ในข้อ 2.3 ข้างต้น ส่วนราคาให้เช่าซื้อที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากลูกค้าจะเท่ากับราคา เงินสดของสินค้าที่ห้างหรือร้านค้าขายให้แก่ผู้ซื้อทั่วไปเช่นเดียวกับกรณีตามข้อ 2.2 จากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตามที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทฯ เข้าใจ ว่า (1) ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีตามข้อ 1.2 (ก) และ (ข) เป็นรายรับที่บริษัทฯ ต้องนำไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 3(2) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 246)ฯ (2) ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ตามข้อ 1.3 และ 1.4 เป็น รายรับที่บริษัทฯ ต้องนำไปเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เนื่องจากเป็นรายรับที่ได้จากการประกอบกิจการโดย ปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ของบริษัทฯ ตามมาตรา 91/2(5) แห่งประมวลรัษฎากร (3) ค่าดอกเบี้ยที่ห้างหรือร้านค้าหรือผู้ผลิตสินค้าต้องรับภาระตามข้อ 2.3 และ 2.4 ซึ่งบริษัทฯ เรียกเก็บในรูปของเงินค่าตอบแทนการส่งเสริมการขาย เป็นรายรับที่บริษัทฯ ต้องนำไปรวมคำนวณเป็นเงินได้ของบริษัทฯ ตามส่วนเฉลี่ยงวดชำระค่าเช่าซื้อ แต่ไม่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากถือเป็นเงินที่ได้รับหลังจากการขายสินค้าแล้ว (4) ฐานภาษีที่ใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่พึงเรียกเก็บจากลูกค้า จากการให้เช่าซื้อสินค้าแก่ลูกค้าในกรณีที่ห้างหรือร้านค้าหรือผู้ผลิตสินค้าร่วมส่งเสริมการขายตามข้อ 2.3 และ 2.4 ได้แก่ ค่าเช่าซื้อสินค้าที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากลูกค้าโดยไม่ต้องนำค่าดอกเบี้ยที่ห้างหรือร้านค้า หรือผู้ผลิตสินค้าต้องรับภาระไปรวมเป็นฐานภาษีในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด |
แนววินิจฉัย | : (1) ในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจบัตรเครดิต (ก) เนื่องจากค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี เป็น รายรับที่ได้รับจากธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งมาตรา 3(2) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 246) พ.ศ.2534 ได้บัญญัติให้เป็นกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 91/4 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจึงเป็นรายรับที่ต้องนำไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (ข) ค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในข้อ 1.3 และข้อ 1.4 เป็นค่าตอบแทนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืมเงินอันเป็นรายรับจาก การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น รายรับดังกล่าวจึงเป็นรายรับที่ต้องเสีย ภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(5) แห่งประมวลรัษฎากร 2. ในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจให้เช่าซื้อ แม้ว่าค่าดอกเบี้ยที่ห้างหรือร้านค้า หรือผู้ผลิตสินค้าชำระให้แก่บริษัทฯ ตาม 2.3 และ 2.4 นั้น จะเป็นการจ่ายตามข้อตกลงการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายระหว่างห้างหรือร้านค้าหรือผู้ผลิตกับ บริษัทฯ โดยมิได้มีการกำหนดในสัญญาให้เช่าซื้อระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าก็ตาม แต่โดยที่การจ่ายดอกเบี้ย ตามข้อตกลงดังกล่าว เกี่ยวข้องโดยตรงกับสัญญาให้เช่าซื้อสินค้าระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้า ดังนั้น ดอกเบี้ยดังกล่าว จึงถือเป็นดอกเบี้ยที่บริษัทฯ ได้รับเนื่องจากการให้เช่าซื้อ และบริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้อง นำดอกเบี้ยดังกล่าวมารวมคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร และต้องนำดอกเบี้ยที่ ได้รับมารวมคำนวณเป็นมูลค่าเพื่อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร ตามงวด ค่าเช่าซื้อที่ถึงกำหนดชำระในแต่ละงวดตามมาตรา 78(2) แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 64/30333 |