เลขที่หนังสือ | : กค 0706/9422 |
วันที่ | : 18 ตุลาคม 2547 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนในการเรียกเก็บภาษีจากชาวสวนยาง |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 56 |
ข้อหารือ | : กรณีชาวสวนยางได้ร้องเรียนและขอให้ช่วยชี้แจงเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการทำสวนยาง ดังต่อไปนี้ 1. การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีมาตรฐานอย่างไร ในการเก็บคิดจากอะไร 2. ชาวสวนต้องเสียภาษีเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ ชาวสวนทุเรียนผลไม้ต่าง ๆ ต้องเสียหรือไม่ 3. ถ้าราคายางตกลง ยังต้องเสียภาษีหรือไม่ 4. ภาษีที่ดินที่เสียอยู่ทุกปี เป็นภาษีประเภทเดียวกันหรือไม่ 5. ถ้าไม่สบายตัดยางไม่ได้ ไม่มีเงินเสียภาษี จะถูกจับหรือไม่ 6. ถ้าฝนตกมาก ๆ เดือนไหน ตัดยางไม่ได้จะทำอย่างไร 7. มีลูกสองคนยังเรียนอยู่ มีพ่อแม่ที่แก่แล้วต้องเลี้ยง ซื้อรถเครื่องต้องผ่อนอีกหลายเดือน ยังไม่มีเงินไปเสียภาษี จะถูกจับหรือไม่ 8. ทำไมเมื่อก่อนไม่เรียกเก็บภาษี ตอนราคายางตก 9. ยางหลายปีแล้ว จะถึงหน้าหยุดยางแล้ว ตั้งใจจะโค่นเสีย แล้วขายไม้ยางไปทำสวนผลไม้ หรือทำไร่ ปลูกพริก ปลูกข้าวโพด จะต้องเสียภาษีอีกหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม ข้อ 1. ข้อ 3. ข้อ 5. ข้อ 6. ข้อ 7. และข้อ 8. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บุคคลทุกคนมีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมิน ที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษี โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ถ้าบุคคลนั้น (1) ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 30,000 บาท (2) มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 60,000 บาท ดังนั้น กรณีชาวสวนยางหากในปีภาษีใดมีเงินได้พึงประเมินตามเกณฑ์ดังกล่าว ก็มีหน้าที่ ต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ตามที่กำหนดในมาตรา 56 แห่ง ประมวลรัษฎากร และมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการโดยแสดงรายการเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่เดือน มกราคมถึงเดือนมิถุนายนเพื่อชำระภาษี (ครึ่งปี) ภายในเดือนกันยายนทุกปีภาษี ตามมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งภาษีที่ชำระ (ครึ่งปี) ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีที่ต้องชำระในเดือน มีนาคม ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากรดังกล่าว โดยในการคำนวณภาษีให้นำเงินได้พึงประเมินหัก ด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน คงเหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธินำไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา และสำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป ต้องคำนวณภาษีจากการนำ เงินได้พึงประเมินคูณด้วยร้อยละ 0.5 ได้ภาษีจำนวนเท่าใด ให้นำไปเปรียบเทียบกับภาษีที่คำนวณได้ตาม วิธีแรก โดยให้เสียภาษีเงินได้จากจำนวนเงินภาษีที่มากกว่า กรณีบุคคลใดมีหน้าที่ต้องเสียภาษีแต่มิได้เสียภาษีภายในกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ต้อง รับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา 27 แห่ง ประมวลรัษฎากร และหากเจ้าพนักงานประเมินตรวจพบความผิดโดยการออกหมายเรียกตรวจสอบก็ต้อง รับผิดเสียเบี้ยปรับตามมาตรา 22 หรือมาตรา 26 แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี 2. กรณีตามข้อ 2 และข้อ 9 เงินได้ของชาวสวนที่ได้รับจากการขายยาง หรือการขายต้น ยาง รวมทั้งเงินได้จากการทำสวน ทำไร่ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่ง ประมวลรัษฎากร ผู้มีเงินได้ดังกล่าวมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามเกณฑ์ในข้อ 1 3. กรณีตามข้อ 4 ภาษีที่ดินเป็นภาษีที่จัดเก็บตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเป็นผู้จัดเก็บเพื่อใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นนั้น ๆ สำหรับภาษีเงินได้ เป็นการ จัดเก็บตามประมวลรัษฎากร ที่กรมสรรพากรจัดเก็บเพื่อนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน การจัดเก็บภาษี ทั้งสองประเภทจึงแตกต่างกัน |
เลขตู้ | : 67/33172 |