เลขที่หนังสือ | : กค 0706/9255 |
วันที่ | : 13 ตุลาคม 2547 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้พนักงาน |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 39, มาตรา 65 ตรี (3), มาตรา 65 ตรี (13) |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ ประกอบกิจการประกันชีวิต มีโครงการที่จะออกประกันชีวิตแบบใหม่โดยใช่ชื่อว่า BUSINESS INSURANCE โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้ 1. กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นแบบรายสามัญหรือรายบุคคล ชนิดสะสมทรัพย์ซึ่งมีระยะเวลา การชำระเบี้ยประกันและระยะเวลาการให้ความคุ้มครองของกรมธรรม์มีอายุเกิน 10 ปี ครบกำหนดอายุ กรมธรรม์เมื่อผู้เอาประกันมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบเกษียณตามที่บริษัท ผู้เอาประกันกำหนดไว้ในระเบียบพนักงาน โดยถือเป็นสวัสดิการของพนักงาน 2. กรมธรรม์ชนิดนี้จะเสนอขายให้นายจ้างโดยนายจ้างเป็นผู้ถือกรมธรรม์ จ่ายเบี้ยประกัน และเป็นผู้รับประโยชน์ทุกอย่างตามกรมธรรม์ 3. เมื่อนายจ้างได้รับประโยชน์ทุกอย่างจากการทำประกันชีวิตดังกล่าวแล้วก็จะยก ผลประโยชน์ให้พนักงานในกรณีที่พนักงานเกษียณอายุ หรือมอบให้ทายาทของพนักงานในกรณีที่พนักงาน เสียชีวิต ซึ่งกรณีดังกล่าวจะระบุไว้อย่างชัดเจนในระเบียบพนักงาน 4. หากพนักงานลาออกก่อนกำหนดหรือก่อนเกษียณอายุ นายจ้างสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ และจะได้รับเงินสดจากมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ พร้อมเงินปันผลหรือดอกเบี้ย นายจ้างไม่จำเป็นต้องยก ประโยชน์ดังกล่าวให้พนักงาน หากอายุงานของผู้ที่ลาออกก่อนกำหนดยังไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในระเบียบพนักงาน บริษัทฯ หารือว่า 4.1 ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นายจ้างจ่ายให้พนักงาน นายจ้างนำมาถือเป็นรายจ่ายใน การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่ 4.2 พนักงานต้องนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นายจ้างจ่ายให้มารวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ 4.3 ผลประโยชน์ที่นายจ้างได้รับตามกรมธรรม์และได้ส่งมอบให้พนักงาน จะถือเป็น ค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่ นอกจากนี้พนักงานที่ได้รับประโยชน์จะต้องนำ ผลประโยชน์ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. เงินค่าเบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นนายจ้างจ่ายแทนพนักงาน ทุกคนเป็นการทั่วไปตามระเบียบของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นายจ้างมีสิทธินำเบี้ยประกันชีวิตที่จ่าย แทนพนักงานมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นายจ้างจ่ายแทน พนักงานถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) แห่ง ประมวลรัษฎากร 2. ผลประโยชน์ที่นายจ้างได้รับตามกรมธรรม์นายจ้างจะต้องบันทึกบัญชีเป็นรายได้ เมื่อ นายจ้างได้ส่งมอบผลประโยชน์ให้พนักงานตามระเบียบสวัสดิการถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้าง นายจ้าง มีสิทธินำผลประโยชน์ที่ส่งมอบให้พนักงานมาถือเป็นรายจ่ายได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ผลประโยชน์ที่พนักงานได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร พนักงานต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
เลขตู้ | : 67/33162 |