เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0706/7560
วันที่: 11 สิงหาคม 2547
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีบริษัทแม่ในต่างประเทศเสนอหุ้นให้พนักงานในประเทศโดยไม่มีค่าตอบแทน
ข้อกฎหมาย: มาตรา 40(1), มาตรา 41 วรรคหนึ่ง, มาตรา 41 วรรคสอง
ข้อหารือ: บริษัท บ. เป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายไทย และประกอบธุรกิจใน
ประเทศไทย โดยมีบริษัท อ. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศออสเตรเลีย (บริษัทแม่) ซึ่งเป็น
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศออสเตรเลีย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯ 75% ทั้งสองบริษัท
ประกอบกิจการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เหล็กรีดเย็น เหล็กเคลือบโลหะ เหล็กเคลือบสี
โดยบริษัทแม่และบริษัทฯ ต่างฝ่ายต่างผลิตสินค้า และไม่มีสัญญาว่าจ้างให้ผลิตสินค้าให้แก่กัน ต่อมาบริษัท
แม่มีความประสงค์ที่จะเสนอหุ้นของบริษัทแม่ให้กับพนักงานของกลุ่มบริษัทในเครือทั่วโลกรวมถึงพนักงานใน
ประเทศไทย โดยไม่มีค่าตอบแทนแต่ประการใด วัตถุประสงค์การให้หุ้นดังกล่าวเพื่อจูงใจให้พนักงาน
ทุ่มเททำงานให้กับบริษัทต่อไป หุ้นที่บริษัทแม่เสนอให้พนักงานของบริษัทฯ มีรายละเอียดและเงื่อนไขดัง
ต่อไปนี้
1. พนักงานจะได้รับสิทธิในหุ้นของบริษัทแม่จำนวน 200 หุ้น โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับ
บริษัทแม่
2. บริษัทฯ เป็นนายจ้างโดยตรงของพนักงานในประเทศไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ
ในต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ของหุ้นที่บริษัทแม่เสนอให้กับพนักงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด
3. บริษัทแม่ ให้สิทธิในหุ้นดังกล่าวแก่พนักงานของบริษัทฯ โดยกำหนดเงื่อนไขภายใต้
หลักเกณฑ์ของตลาดหุ้นในประเทศออสเตรเลียไว้ว่า ในระยะเวลา 3 ปีนับจากวันที่เสนอหุ้นให้กับ
พนักงานนั้น พนักงานไม่มีสิทธิที่จะโอนขายหุ้นที่ได้รับหากไม่ได้รับความยินยอมและอนุมัติจากบริษัทแม่ แต่
ยังคงมีสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลรวมถึงมีสิทธิออกเสียงในฐานะผู้ถือหุ้นดังกล่าว
4. ภายในระยะเวลา 3 ปีดังกล่าว หากพนักงานลาออก หรือหมดสถานภาพในการเป็น
พนักงานของบริษัทฯ หุ้นที่บริษัทแม่เสนอให้นั้น จะถูกยกเลิกและกรรมสิทธิ์ของหุ้นเหล่านั้นจะถูกโอนให้กับ
บริษัทแม่อย่างไม่มีเงื่อนไข
5. กรณีพนักงานลาออกหรือหมดสภาพในการเป็นพนักงานภายในระยะเวลา 3 ปีบริษัทแม่ใน
ฐานะผู้ออกหุ้นจะเป็นผู้มีสิทธิขาดในการจัดการโอนหรือขายหุ้นที่ออกนั้นให้แก่บุคคลอื่นต่อไป โดยพนักงาน
จะไม่มีสิทธิโต้แย้ง ผลประโยชน์ใด ๆ อันเนื่องจากการโอนหรือขายหุ้น ดังกล่าว จะถือว่าเป็นเงินได้
ของบริษัทแม่ โดยพนักงานจะไม่มีสิทธิในผลประโยชน์ดังกล่าวหรือได้รับเงินชดเชยจากบริษัทแม่แต่
อย่างใด
บริษัทฯ หารือว่า
1. พนักงานของบริษัทฯ ได้รับหุ้นของบริษัทแม่ ถือเป็นเจ้าของหุ้นตามกฎหมายนับจากวันที่
ตอบรับข้อเสนอแล้ว พนักงานจะไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นนั้นอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากพนักงานจะไม่มีสิทธิ์ใน
การขายหุ้นนั้นภายในระยะเวลา 3 ปี และหากพนักงานพ้นสภาพการเป็นลูกจ้างของบริษัทฯ ก่อน 3 ปีนับ
จากวันที่รับโอนหุ้น พนักงานจะต้องคืนกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าวให้แก่บริษัทแม่โดยไม่มีเงื่อนไข ดังนั้น เมื่อ
พนักงานตอบรับข้อเสนอและรับโอนหุ้นจากบริษัทแม่ หุ้นที่พนักงานได้รับนั้น ไม่ถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน
ตามกฎหมาย ถูกต้องหรือไม่
2. หากการรับโอนหุ้นนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินตามกฎหมาย บริษัทฯ ซึ่งเป็นนายจ้างใน
ประเทศไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในต้นทุนของหุ้นที่บริษัทแม่เสนอให้กับพนักงานนั้น ผลประโยชน์จากหุ้น 200
หุ้นของบริษัทแม่ที่พนักงานได้รับนั้น เป็นหุ้นของบริษัทแม่ ดังนั้น ผลประโยชน์จากการได้รับโอนหุ้นดังกล่าว
จะถือได้ว่าเป็นเงินได้พึงประเมินที่เกิดจากแหล่งเงินได้นอกประเทศ และตามมาตรา 41 แห่ง
ประมวลรัษฎากร พนักงานจะต้องรวมผลประโยชน์ดังกล่าวเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ก็ต่อเมื่อนำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับที่ได้รับเงินได้ และพนักงานได้อยู่ใน
ประเทศไทยเกินกว่า 180 วันในปีภาษีดังกล่าวถูกต้องหรือไม่
3. เมื่อพนักงานได้รับเงินปันผลจากหุ้นดังกล่าว หรือได้ขายหุ้นภายหลังจากระยะเวลา 3 ปีที่
กำหนดแล้ว มีกำไรจากการขายหุ้น เงินปันผลหรือกำไรดังกล่าวจะต้องนำมารวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี
ถ้าพนักงานได้นำเงินปันผลหรือกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยในปีเดียวกับที่พนักงาน
ได้รับเงินปันผลหรือกำไรนั้น รวมทั้งพนักงานได้อยู่ในประเทศไทยเกินกว่า 180 วันในปีภาษีเดียวกันนั้น
ถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย: 1. เนื่องจากการที่พนักงานได้รับหุ้นจากบริษัทแม่ ตามข้อเท็จจริงข้างต้น เป็นผลมาจากการ
เป็นลูกจ้างของบริษัทฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทแม่ ดังนั้น กรณีจึงถือว่าหุ้นที่ได้รับเป็น
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นเงินได้จากหน้าที่งานที่ทำใน
ประเทศไทยตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร พนักงานต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวม
คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. กรณีที่พนักงานได้รับเงินปันผลหรือกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าว ถือเป็นเงินได้ที่เกิดขึ้น
จากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยต่อเมื่อผู้มีเงินได้
เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ได้รับเงินได้นั้น และผู้มีเงินได้นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยใน
ปีภาษีนั้นด้วย ตามข้อเท็จจริง หากพนักงานนำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับที่ได้รับ
เงินได้ และพนักงานได้อยู่ในประเทศไทยเกินกว่า 180 วันในปีภาษีดังกล่าว พนักงานจะต้องนำเงินได้
นั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 67/33089

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020