ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ผู้มีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สินไม่ยื่นรายการเงินได้ให้ครบถ้วน
---------------------------------------------
โดยที่กระทรวงการคลังพิจารณาเห็นว่า ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผู้มีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สินไม่ยื่นรายการเงินได้ให้ครบถ้วน ลงวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2499 ได้ใช้บังคับเป็นเวลานาน สมควรปรับปรุงเสียใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังต่อไปนี้
ด้วยปรากฎว่า มีบุคคลผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวนมากที่มีเงินได้หรือได้รับประโยชน์อย่างอื่นเนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สิน แต่มิได้ยื่นรายการเงินได้หรือประโยชน์ที่ได้รับนั้นตามความเป็นจริง เป็นต้นว่า
(1) มีเงินได้จากเงินค่าเช่า แต่มิได้ยื่นรายการเสียภาษีเงินได้
(2) เรียกเก็บค่าเช่าสูง แต่ทำหลักฐานไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ทำสัญญาหรือใบรับแสดงการรับค่าเช่าไว้ต่ำ
(3) ผู้ให้เช่ามากรายนอกจากจะเรียกเก็บเงินค่าเช่าแล้ว ยังเรียกเก็บเป็นเงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้าง หรือเงินค่าซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่งด้วย
(4) ในบางกรณีผู้เป็นเจ้าของที่ดินได้ยอมให้ปลูกสร้างอาคารหรือโรงเรือนบนที่ดิน และผู้ปลูกสร้างได้ยอมยกอาคารหรือโรงเรือนนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่เจ้าของที่ดิน โดยเจ้าของที่ดินยอมให้ผู้ปลูกสร้างเช่าอาคารหรือโรงเรือนนั้นทั้ง 4 กรณีนี้ ผู้ให้เช่าบางรายไม่ยื่นรายการเลย บางรายยื่นรายการเงินได้เฉพาะค่าเช่า ตามหลักฐานที่ทำไว้ว่าได้รับค่าเช่าเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนต่ำมากไม่สมกับสภาพของอาคารหรือโรงเรือนที่ให้เช่านั้น ส่วนค่าเช่าที่เรียกเก็บไว้เกินกว่าหลักฐานที่ทำไว้ เงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้าง หรือเงินค่าซ่อมแซมที่เรียกเก็บไว้ ประโยชน์ที่ได้จากการได้กรรมสิทธิ์ในอาคารหรือโรงเรือนที่ผู้เช่ายกให้เหล่านี้ไม่ได้ยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะผู้ให้เช่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจมีเจตนาจงใจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ กระทรวงการคลังจึงขอชี้แจงให้ทราบว่า เงินค่าเช่า เงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้าง เงินค่าซ่อมแซมหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สินทั้งสิ้น ซึ่งจะนำมายื่นเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย
สำหรับผู้ให้เช่าที่ได้รับเงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้าง เงินค่าซ่อมแซม หรือได้รับกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือโรงเรือนดังกล่าวแล้วนั้น ส่วนมากผู้ให้เช่าจะต้องยอมให้ผู้เช่าเช่าอาคารหรือโรงเรือนเป็นระยะเวลานาน เช่น 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี เป็นต้น ซึ่งถ้าผู้ให้เช่าจะต้องรับภาระเสียภาษีเงินได้จากจำนวนเงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้าง เงินค่าซ่อมแซม หรือค่าแห่งอาคารหรือโรงเรือนที่ได้รับกรรมสิทธิ์นั้นทั้งหมดในปีเดียวกับที่ได้รับเงินหรือประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมจะเป็นภาระหนักแก่ผู้ให้เช่ามิใช่น้อย
ฉะนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีของผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังกล่าวเสียภาษีโดยถูกต้องตามกฎหมาย กระทรวงการคลังจึงวางหลักการไว้ว่า การเสียภาษีในกรณีเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทรวงการคลังยอมให้ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉลี่ยเงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้าง เงินค่าซ่อมแซม และค่าแห่งอาคารหรือโรงเรือนที่ได้รับกรรมสิทธิ์นั้น ตามส่วนแห่งจำนวนปีของอายุการเช่า เช่น ผู้ให้เช่าได้รับเงินกินเปล่าในการให้เช่าอาคารเป็นเงิน 300,000 บาท แต่ผู้ให้เช่าต้องผูกพันให้เช่าเป็นเวลา 10 ปี ดังนี้ให้เฉลี่ยเงินกินเปล่าจำนวน 300,000 บาท นั้นออกเป็นรายปีจำนวน 10 ปี โดยผู้มีเงินได้ดังกล่าวจะมีเงินได้ปีละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าวได้ยื่นรายการเงินได้ และชำระภาษีเงินได้จากเงินกินเปล่าที่เฉลี่ยเป็นรายปีตามจำนวนปีของอายุการเช่าเป็นการล่วงหน้าให้เสร็จสิ้นไปในปีที่ได้รับเงินได้พึงประเมินนั้น มิฉะนั้น เจ้าพนักงานประเมินกรมสรรพากรจะทำการประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นรายการตามมาตรา 60 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผู้ใดยื่นรายการเงินได้และชำระภาษีเงินได้ตามที่ชี้แจงนี้ด้วยดีแล้ว กรมสรรพากรจะไม่เรียกเก็บเงินเพิ่ม เบี้ยปรับ หรือค่าปรับใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าผู้ใดไม่ยื่นรายการและชำระภาษีเงินได้ตามที่เป็นจริงภายในเวลาอันสมควร และกรมสรรพากรได้ดำเนินการตรวจสอบไต่สวนได้มาเอง ผู้มีเงินได้ดังกล่าวนอกจากจะต้องรับผิดเสียเงินภาษีแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม เบี้ยปรับ และมีความผิดทางอาญาอีกด้วย
ประกาศหรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ให้เป็นอันยกเลิก
ประกาศ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528
สมหมาย ฮุนตระกูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง