บริษัท ก. (บริษัท ก.) ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท ท. (บริษัทฯ) ได้หารือปัญหาภาษีอากรแทนบริษัทฯ เกี่ยวกับตราสารที่ต้องติดอากรแสตมป์ ตามหนังสือสัญญาระหว่างสถานทูต ว.ประจำประเทศไทย (สถานทูตฯ) กับบริษัทฯ

          1. บริษัทฯ เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

          2. บริษัทฯ ได้ทำสัญญากับสถานทูต ว. ประจำประเทศไทย (สถานทูตฯ) โดยมีข้อตกลงให้บริษัทฯ ทำหน้าที่รับคำขอวีซ่าเพื่อการเดินทางไปประเทศ ว. รวมถึงมีหน้าที่ประสานงานระหว่างผู้ยื่นคำขอวีซ่าและสถานทูตฯ โดยบริษัทฯ จะได้รับค่าตอบแทนการให้บริการจากผู้ยื่นคำขอวีซ่าเท่านั้น และสถานทูตฯ ไม่ต้องชำระค่าบริการหรือค่าตอบแทนใด ๆ ให้แก่บริษัทฯ ซึ่งผู้ยื่นคำขอวีซ่าจะชำระเงินให้แก่บริษัทฯ ดังนี้

          2.1 ค่าธรรมเนียมวีซ่า บริษัทฯ จะเป็นผู้รับชำระและส่งมอบค่าธรรมเนียมให้แก่สถานทูตฯ เต็มจำนวน และสถานทูตฯ จะเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงิน

          2.2 ค่าบริการรับคำขอวีซ่าและประสานงานกับสถานทูตฯ ผู้ยื่นคำขอวีซ่าจะต้องชำระให้แก่บริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ จะเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินในนามบริษัทฯ โดยปัจจุบันค่าบริการดังกล่าวสถานทูตฯ กำหนดให้บริษัทฯ เรียกเก็บจากผู้ยื่นคำขอวีซ่าในอัตราคำขอละ 863 บาท ประกอบด้วยค่าบริหารการนัดหมายและค่าดำเนินการคำขอ

          3. บริษัท ก. จึงหารือว่า

          3.1 สัญญาระหว่างบริษัทฯ กับสถานทูตฯ เป็นลักษณะสัญญาที่ต้องติดอากรแสตมป์หรือไม่ อย่างไร และเข้าลักษณะเป็นสัญญาตัวแทนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรหรือไม่

          3.2 หากสัญญาดังกล่าวเข้าลักษณะสัญญาตัวแทน และสถานทูตฯ มีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์จะได้รับยกเว้นอากรแสตมป์ตามมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500 หรือไม่ อย่างไร

           กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น สัญญาระหว่างบริษัทฯ กับสถานทูตฯ ซึ่งมีสาระสำคัญว่า บริษัทฯ จะต้องให้บริการทางเทคนิคและการบริหารจัดการในกระบวนการเกี่ยวกับการขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศ ว. และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าเพื่อนำส่งให้แก่สถานทูตฯ โดยบริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการสถานที่ บุคลากร ระบบการนัดหมายและการสื่อสาร การรักษาความปลอดภัย การจัดทำบัญชีและรายงานทางการเงิน ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ และได้รับค่าตอบแทนจากค่าบริการที่เรียกเก็บจากผู้ยื่นคำขอวีซ่าตามอัตราที่สถานทูตฯ เป็นผู้กำหนด สัญญาดังกล่าวเป็นการมุ่งถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ จึงเป็นสัญญาจ้างทำของตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เข้าลักษณะแห่งตราสาร 4. จ้างทำของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ บริษัทฯ ผู้รับจ้างมีหน้าที่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามอัตราและวิธีการที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์