กรม ก.หารือปัญหาภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีนักบินประจำกองพร้อมรบของกอง ข.ได้รับเงินเพิ่มค่าฝ่าอันตรายประเภทเงินเพิ่มพิเศษ และ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ว่า นักบินประจำกองพร้อมรบของกองทัพอากาศ (นักบินฯ) ต้องปฏิบัติภารกิจที่มีความเสี่ยงอันตราย เพื่อให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจตามแผนเพื่อความมั่นคงของประเทศ (แผนเฉลิมอากาศ) ได้รับเงินเพิ่มค่าฝ่าอันตรายประเภทเงินเพิ่มพิเศษ กรม ก. จึงขอทราบว่า เงินเพิ่มพิเศษ เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามประมวลรัษฎากรหรือไม่

           มีความเห็นว่า เงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (15) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 152 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ต้องเป็นการจ่ายจากการปฏิบัติภารกิจในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

เช่น การป้องกัน ควบคุม แก้ไข และฟื้นฟูสถานการณ์ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศให้กลับสู่สภาวะปกติเป็นต้น และเป็นการจ่ายเฉพาะระยะเวลาที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว โดยกระทรวงการคลังอนุญาตให้เบิกจ่ายได้ ดังนั้นกรณีตามข้อเท็จจริงแยกพิจารณาได้ ดังนี้

           1. กรณีเงินเพิ่มค่าฝ่าอันตรายประเภทเงินเพิ่มพิเศษนักบิน (พ.น.บ.) เป็นรายเดือน เนื่องจากข้อ 15 ของข้อบังคับกระทรวงกลาโหมฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน (ฉบับที่ 34) พ.ศ. 2558 กำหนดให้ผู้ทำการในอากาศตามที่หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่า

มีความรู้ความสามารถให้ได้รับเงินเพิ่มค่าฝ่าอันตราย โดยกระทรวงกลาโหมได้ทำความตกลงร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนเพิ่มเติมขึ้นเป็นกรณีพิเศษ สำหรับข้าราชการทหาร

ที่คณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่า มีความรู้ความสามารถเป็นพิเศษสำหรับผู้ทำการในอากาศ เงินเพิ่มดังกล่าวไม่ได้จ่ายจากกรณีที่ข้าราชการทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

แต่เป็นเงินที่จ่ายให้แก่ข้าราชการทหารตามตำแหน่งหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบว่า เป็นบุคคลมีความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นการจ่ายควบคู่กับเงินเดือนและเป็นการจ่ายให้แก่ข้าราชการทหารทุกเดือนในขณะที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว กรณีจึงไม่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42 (17)

แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (15) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)ฯ

           2. กรณีเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยาน (พ.บ.อ.) ตามข้อ 3 แห่งระเบียบกระทรวงการคลังฯ หมายความว่า เงินเพิ่มพิเศษที่กระทรวงกลาโหมจ่ายให้กับนักบินประจำกองพร้อมรบตามที่กองบัญชาการสูงสุด กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กำหนดเป็นรายเดือน นอกเหนือจากเงินเดือนและเงินเพิ่มค่าฝ่าอันตรายที่ได้รับอยู่เดิม ซึ่งผู้มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยาน ได้แก่ ข้าราชการทหารที่มีชั้นยศไม่เกินพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก และเป็นนักบินประจำกองพร้อมรบตามที่กองบัญชาการสูงสุด กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กำหนด ทั้งนี้ ตามข้อ 4 แห่งระเบียบกระทรวงการคลังฯ เงินเพิ่มดังกล่าวไม่ได้จ่ายจากกรณีที่ข้าราชการทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร แต่เป็นเงินที่จ่ายให้แก่ข้าราชการทหารตามตำแหน่งหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบว่าเป็นบุคคลมีความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นการจ่ายควบคู่กับเงินเดือนและเป็นการจ่ายให้แก่ข้าราชการทหารทุกเดือน

ในขณะที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว กรณีจึงไม่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (15) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126(พ.ศ. 2509)ฯ

           3. กรณีเงินเพิ่มพิเศษสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านการควบคุมการจราจรทางอากาศ (พ.ค.จ.) หมายความว่า ข้าราชการทหารที่ดำรงตำแหน่งและปฏิบัติงานด้านการควบคุมการจราจรทางอากาศ ณ หอบังคับการบิน หรือสถานีเรดาร์บังคับการบินในสนามบิน หรือท่าอากาศยาน

ของทางราชการ และมีตำแหน่ง ลักษณะงานและคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนดตำแหน่งแนบท้ายระเบียบนี้ให้ได้รับ พ.ค.จ. ในอัตราเดือนละ 5,000 บาท ทั้งนี้ ตามข้อ 3 และ 4 แห่งระเบียบกระทรวงกลาโหมฯ

ดังนั้น เงินเพิ่มดังกล่าวไม่ได้จ่ายจากกรณีที่ข้าราชการทหารปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

แต่เป็นเงินที่จ่าย