พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 347) พ.ศ. 2542 -------------------------- ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน | |||
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าและการให้บริการบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา 81(1)(น) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 347) พ.ศ. 2542 มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (11) ของมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 343) พ.ศ. 2541 (11) การขายสินค้าที่ได้กระทำในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (9) ของมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 343) พ.ศ. 2541 (9) การให้บริการที่ได้กระทำในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียได้ลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซียว่าด้วยธรรมนูญและเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2533 ซึ่งในข้อ 17(2) ของความตกลงดังกล่าวได้กำหนดว่า รัฐบาลของทั้งสองประเทศตกลงกันว่ากฎหมายใดที่เกี่ยวกับการเก็บภาษีอากรซึ่งอยู่ในรูปของภาษีการค้าทั่วไป รวมทั้งภาษีใด ๆ ที่เรียกเก็บสำหรับการจัดหาสินค้าและบริการในพื้นที่พัฒนาร่วม จะมินำมาใช้ในพื้นที่พัฒนาร่วม ซึ่งในปัจจุบันประเทศมาเลเซียได้ตรากฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามข้อ 17(2) ของความตกลงฯ แล้ว ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการในส่วนของประเทศไทยเป็นไปตามความตกลงดังกล่าว สมควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ได้กระทำในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ |
(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 116 ตอนที่ 7 ก วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2542)