เมนูปิด


          ภญ. ได้กำกับดูแลการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2545 พบว่าบริษัท ก. ได้ยื่นรายการและชำระภาษี ตามมาตรา 67 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ไว้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากได้บันทึกรับรู้รายการผลขาดทุนจากการลงทุนในบริษัทย่อยที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายจ่ายจำนวน 410,532,350.- บาท ซึ่งเกิดจากการเลิกกิจการและเสร็จการชำระบัญชีของบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท ที่ผู้ร้องซื้อกิจการมาได้เพียงประมาณ 1 เดือน กล่าวคือ ในปี 2544 ผู้ร้องต้องการขยายกิจการค้าปลีกในจังหวัดเชียงใหม่ จึงซื้อกิจการจากกลุ่ม A. ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลงทุนสัญชาติฝรั่งเศส ที่ต้องการถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย กลุ่ม A. มีทั้งหมด 5 บริษัท เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการโฮลดิ้งและด้านที่ปรึกษารวม 3 บริษัท และเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการด้านการค้าปลีกและกิจการที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์รวม 2 บริษัท กลุ่ม A. จะขายกลุ่มกิจการทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ซื้อต้องซื้อทุกบริษัทในกลุ่มด้วยวิธีการซื้อหุ้นของกิจการโฮลดิ้ง แล้วผู้ซื้อก็จะได้ครอบครองทุกกิจการโดยปริยายและจะไม่ขายหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่ง บริษัท ก. ได้ตกลงซื้อกลุ่มกิจการดังกล่าวในเดือนมิถุนายน 2544


          หลังจากการตกลงซื้อหุ้นของกิจการประมาณ 1 เดือน บริษัท ก. ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายว่าต้องการถือครองเพียงบริษัทที่ดำเนินการด้านการค้าปลีกและบริษัทที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์ รวม 2 บริษัทเท่านั้น และได้แจ้งเลิกกิจการอื่นรวม 3 บริษัท ในเดือนสิงหาคม 2544 ซึ่งต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2545 บริษัทย่อยได้เสร็จการชำระบัญชีรวม 2 บริษัท และเมื่อ 2 บริษัทดังกล่าวได้ปันส่วนคืนทุนให้บริษัท ก. ผู้ร้องในฐานะผู้ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าผู้ร้องได้รับเงินคืนทุนน้อยกว่าจำนวนเงินที่ซื้อหุ้นจากกลุ่ม A. รวมเป็นผลขาดทุนทั้งสิ้น 410,532,350.- บาท และบริษัท ก. ได้รับรู้ผลขาดทุนดังกล่าวเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.51

รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผลขาดทุนเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (12) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด

เลขที่หนังสือ: 0706(กม.5)/875
วันที่: 13 ตุลาคม 2547
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีผลขาดทุนจากการเลิกบริษัทย่อย
ประเด็นปัญหา: มาตรา 65 ตรี (12)(13) แห่งประมวลรัษฎากร
            บริษัท ก. ประกอบกิจการขายปลีกสินค้าอุปโภค บริโภค จดทะเบียนนิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2536 มีสถานประกอบการ 37 แห่ง รวมสำนักงานใหญ่ และมีบริษัทย่อยที่บริษัท ก. ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมรวม 19 บริษัท
แนววินิจฉัย          กรณีบริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการลงทุนในบริษัทย่อย เนื่องจากได้รับเงินคืนจากการเลิกกิจการและเสร็จการชำระบัญชีบริษัทย่อย เป็นจำนวนน้อยกว่ามูลค่าหุ้นที่บริษัทฯ ซื้อมาจากกลุ่ม A. นั้น ผลขาดทุนดังกล่าวถือเป็นผลเสียหายจากการลงทุนและบริษัทฯ มีสิทธิถือเป็น
เลขตู้: 68/33272

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020