เลขที่หนังสือ | : กค 0706/6924 |
วันที่ | : 18 สิงหาคม 2548 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการลดอัตราภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ.ศ.2547 |
ข้อกฎหมาย | : ประเด็นปัญหา พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 426) พ.ศ. 2547 |
ข้อหารือ | : บริษัท ป. ได้หารือการได้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ นิติบุคคลตามพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 ดังนี้ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีตาม 1. ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 กำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบของกำไรสุทธิ ให้แก่บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร สำหรับรายได้จากการประกอบ ธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีจำนวนไม่น้อยกว่าสองพันล้านบาทต่อปีนั้น เนื่องจาก พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอ้างอิงการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น คำว่า น้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย ว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง 2. กรณีตาม 2. การซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอก ราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร บริษัทที่ ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องมีรายได้จากการ ประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีจำนวนไม่น้อยกว่าสองพันล้านบาทต่อปี และต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (1) เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวัน สุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป (2) มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในประเทศไทยไม่น้อยกว่าห้าล้านบาทต่อปีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด (3) ได้จดทะเบียนการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานต่อกรม สรรพากรตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ทั้งนี้ ตามมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 และการได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ ให้ใช้บังคับแก่กำไรสุทธิของบริษัทที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป ตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 กรณีรายได้จากการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่จะ ได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละสิบของกำไรสุทธิ จะต้องเป็นการซื้อและขายน้ำมัน เชื้อเพลิงตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเฉพาะกรณีนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอด อากรหรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และกรณีการซื้อและการขายน้ำมัน เชื้อเพลิงที่อยู่นอกราชอาณาจักรและไม่ได้นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 3 แห่งพระราช กฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 3. กรณีตาม 3. เมื่อบริษัทฯ ประสงค์จะได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา ร้อยละสิบของกำไรสุทธิตามพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 บริษัทฯ ต้องแจ้งการเป็น ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระทรวงพลังงานให้ค้าน้ำมัน เฉพาะเพื่อการนำเข้าและ ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากรหรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ตามแบบ ป . ต .01 โดยยื่น ณ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ กรมสรรพากร กรณีเป็นผู้เสียภาษีที่อยู่ ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่บริษัทฯ มีสถานประกอบการตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามข้อ 2 ของประกาศอธิบดี กรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ ( ฉบับที่ 135) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ของบริษัทซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระทรวงพลังงาน เฉพาะเพื่อการ นำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอด อากรหรือ ระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ลงวันที่ 10 มกราคม พ . ศ . 2548 เมื่อบริษัทฯ ได้แจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมัน เชื้อเพลิงจากกระทรวงพลังงานในรอบระยะเวลาบัญชีใด บริษัทฯ จะได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในอัตราร้อยละสิบของกำไรสุทธิ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น เว้นแต่กรณีเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระทรวงพลังงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ต้องแจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจาก กระทรวงพลังานภายในวันที่ 30 เมษายน 2548 ตามข้อ 6 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับ ดังกล่าว และเมื่อบริษัทฯ ได้แจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระทรวงพลังงานต่อกรมสรรพากรแล้ว บริษัทฯ ต้องคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ นิติบุคคล พร้อมทั้งบัญชีงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนของบริษัทฯ ตามที่กรมสรรพากรกำหนดตามข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว 4. กรณีตาม 4. บริษัทฯ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนยื่นแบบ ป . ต .01 ขอใช้สิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา ร้อยละ 10 ในรอบระยะเวลาบัญชีใดแล้ว เมื่อบริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการภาษี เงินได้นิติบุคคล ( ภ . ง . ด .51) ของบริษัทฯ ตามมาตรา 67 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นสองฉบับ คือ เงินได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา ร้อยละ 10 และเงินได้จากกิจการอื่นยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 เมื่อสิ้นปีบริษัทฯ มียอดรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าสองพันล้านบาท ไม่เข้าลักษณะตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 บริษัทฯ ย่อมไม่ได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 10 สำหรับเงินได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิง บริษัทฯ จึงต้องนำเงินได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว ซึ่งเป็นเงินได้จากการประกอบกิจการในรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทฯ มาคำนวณเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลตามมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 30 ตามมาตรา 67 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น หากการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปีของบริษัทฯ ที่ได้ยื่นไว้ในอัตราร้อยละ 30 ตามมาตรา 67 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ถูกต้องโดยไม่มีเหตุอันสมควรทำให้จำนวนภาษีที่ต้องชำระขาดไป บริษัทฯ ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 20 ของเงินภาษีที่ชำระขาดตามมาตรา 67 ตรี วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ ได้แจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระทรวงพลังงานตามแบบ ป . ต .01 แล้วกรณีบริษัทฯประกอบกิจการทั้งกิจการที่มีรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงและกิจการอื่น บริษัทฯ ต้องแยกยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ พร้อมทั้งบัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนของแต่ละกิจการออกเป็นคนละชุด สำหรับบัญชีงบดุลของบริษัทฯ ให้ยื่นพร้อมกับแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ ใน กิจการใดกิจการหนึ่งก็ได้ โดยให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเดียวกัน ตามข้อ 5 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ ( ฉบับที่ 135) ฯ ลงวันที่ 10 มกราคม พ . ศ . 2548 นอกจากนี้การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทฯ ต้องเป็นไปตาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในมาตรา 65 และมาตรา 65 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ตามข้อ 3 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว และหากกิจการที่มีรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขาย น้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ บริษัทฯ ต้องคงผลขาดทุนสุทธิดังกล่าวไว้ในกิจการที่มี รายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น ตามข้อ 4 ของประกาศอธิบดี กรมสรรพากรฉบับดังกล่าว เพื่อนำไปหักออกจากกำไรสุทธิจากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขาย น้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัทฯ เป็นรอบระยะเวลาบัญชีเป็นปี ๆ ไปตามลำดับ แต่ผลขาดทุนสุทธิที่ยกมา หัก ต้องเป็นผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกินห้าปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปีปัจจุบันตามมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร 5. กรณีบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการค้า น้ำมันเชื้อเพลิงในเขตปลอดอากร หากบริษัทฯ มีคุณสมบัติตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 และได้ประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร สำหรับรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวที่มีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าสองพันล้านบาทต่อปี บริษัทฯ ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลคงจัดเก็บในอัตราร้อยละสิบของกำไรสุทธิตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ( ฉบับที่ 426) พ . ศ . 2547 |
เลขตู้ | : 68/33519 |