เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0706/พ./10820
วันที่: 26 ธันวาคม 2548
เรื่อง: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ กรณีสัญญาซื้อขายและก่อสร้างอาคาร
ข้อกฎหมาย: มาตรา 69 ทวิ และ 104 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ: ส่วนราชการได้ทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทซึ่งจดทะเบียนและจัดตั้งขึ้นตาม
กฎหมายของต่างประเทศ จำนวน 2 รายการ ดังนี้
1. สัญญา ซื้อเครื่องฝึกยิงปืนเรือจำลองพร้อมการติดตั้ง และก่อสร้างอาคาร
เครื่องฝึกยิงปืนเรือจำลอง รวมทั้งการจัดระบบสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงรวม ณ
กองการฝึก จำนวน 1 ระบบ เป็นราคาทั้งสิ้น 3,917,500 ยูโร จากบริษัท P
ประเทศสหราชอาณาจักร โดยบริษัท P ได้มอบอำนาจให้บริษัท อ. โดยนาย ธ. เป็น
ตัวแทนลงนามในสัญญา
2. สัญญาซื้อเครื่องฝึกจำลองยุทธ พร้อมการปรับปรุงอาคารกองฝึกศูนย์
ยุทธการ รวมการติดตั้งเครื่องฝึกจำลองยุทธ ภายในอาคารดังกล่าว จำนวน 1
ระบบ เป็นราคาทั้งสิ้น 4,738,153 ยูโร จากบริษัท T สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
เนื่องจากสัญญาซื้อขายทั้ง 2 ฉบับมีการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร ซึ่งเป็นงานจ้าง
ทำของรวมอยู่ด้วย จึงขอทราบว่า
1. บริษัทที่เป็นคู่สัญญาทั้ง 2 บริษัท จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
ณ ประเทศสหราชอาณาจักร และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่มี
อนุสัญญาเพื่อเว้นการเรียกเก็บภาษีซ้อนกับประเทศไทย จะต้องถูกหักภาษีเงินได้
หัก ณ ที่จ่ายหรือไม่ หากจะต้องถูกหัก การคำนวณภาษีคำนวณจากราคามูลค่าการ
ซื้อขายสิ่งของทั้งหมดหรือเฉพาะราคาการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร ซึ่งเป็นงาน
จ้างทำของ และในอัตราเท่าใด
2. การก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร ซึ่งเป็นงานจ้างทำของ คู่สัญญาจะต้องชำระ
ค่าอาการแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรหรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย: 1. สัญญาซื้อขายเครื่องฝึกยิงปืนเรือจำลอง ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายเครื่องฝึกยิง
ปืนเรือจำลองพร้อมการติดตั้ง และก่อสร้างอาคารเครื่องฝึกยิงปืนเรือจำลองรวมทั้ง
การจัดทำระบบสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงรวม จำนวน 1 ระบบ โดยมีการแยกราคา
ค่าก่อสร้างอาคารออกจากราคาซื้อขาย ดังนั้น สัญญาซื้อขายและก่อสร้างอาคาร
ดังกล่าว เฉพาะในส่วนของการรับจ้างก่อสร้างอาคารเท่านั้นที่เป็นสัญญาจ้างทำของ
ส่วนราชการ (ผู้ซื้อ) มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ตามมาตรา 69
ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และสัญญาจ้างทำของ ตาม ลักษณะแห่งตราสาร 4. จ้าง
ทำของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ซึ่งผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ตาม
มาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร โดยการคำนวณค่าอากรแสตมป์ให้คำนวณจาก
ราคาค่าจ้างทำของโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและให้คำนวณเงินตราต่างประเทศเป็น
เงินตราไทยตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีส่วนราชการได้ทำการซื้อขาย
กับบริษัทผู้ขายโดยตรงด้วยวิธีเปิด Letter of Credit โดยไม่ผ่านสถานประกอบการ
ถาวรของบริษัทผู้ขายในประเทศไทยตามข้อ 5 แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ เพื่อการ
เว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษี
เก็บจากเงินได้ ดังนั้น เงินได้จากการขายสินค้าดังกล่าว จึงไม่อยู่ในบังคับต้องเสีย
ภาษีในประเทศไทย ส่วนราชการ (ผู้ซื้อ) จึงไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับ
การจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายแต่อย่างใด
2. สัญญาซื้อขายเครื่องฝึกจำลองยุทธ ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายเครื่องฝึกจำลอง
ยุทธ พร้อมการปรับปรุงอาคารกองฝึกศูนย์ยุทธการ รวมการติดตั้งเครื่องฝึกจำลอง
ยุทธภายในอาคารจำนวน 1 ระบบ โดยมีการแบ่งแยกค่าปรับปรุงอาคารออกจาก
ราคาซื้อขาย ดังนั้น สัญญาซื้อขายพร้อมปรับปรุงอาคารดังกล่าว เฉพาะในส่วนของ
การปรับปรุงอาคารเท่านั้นที่เป็นสัญญาจ้างทำของตามลักษณะแห่งตราสาร 4. จ้าง
ทำของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ซึ่งผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์
ตามมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร โดยการคำนวณค่าอากรแสตมป์ ให้คำนวณ
จากราคาค่าจ้างทำของโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้คำนวณเงินตรา
ต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากรสัญญาซื้อขายและ
ก่อสร้างอาคารดังกล่าว ได้ทำการซื้อขายกับบริษัทผู้ขายโดยตรงด้วยวิธีเปิด Letter
of Credit โดยไม่ผ่านสถานประกอบการถาวรของบริษัทผู้ขายในประเทศไทยตาม
ข้อ 5 แห่งความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และจากทุน
ดังนั้น เงินได้จากการขายสินค้าดังกล่าว จึงไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีในประเทศ
ไทย ส่วนราชการ (ผู้ซื้อ) จึงไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงิน
ให้แก่ผู้ขายแต่อย่างใด
เลขตู้: 68/33775

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020