เลขที่หนังสือ | : กค 0706(กม.06)/881 |
วันที่ | : 5 ตุลาคม 2548 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับการดำเนินการตามโครงการ New Logistics Center for Electronic Parts และการดำเนินธุรกรรมของบริษัท ต่างประเทศภายใน NLC |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ | : กรณีการดำเนินการตามโครงการ New Logistics Center for Electronic Parts (NLC) และการดำเนินธุรกรรมของบริษัทต่างประเทศภายใน NLC มีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า บริษัทฯ และ I ได้ทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นในการศึกษาเรื่องการร่วมลงทุนในโครงการ จัดตั้ง New Logistics Center for Electronic Parts (NLC) โดยได้ทำแผนธุรกิจและ ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ NLC ดังกล่าวและเนื่องจากการดำเนิน ธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน NLC ถือเป็นกรณีใหม่เกิดขึ้นภายในเขตปลอดอากร บริษัทฯ จึง หารือภาระภาษีต่าง ๆ ภายใต้ประมวลรัษฎากรกรณีการดำเนินธุรกรรมภายใน NLC โดยแยกเป็นประเภทภาษีตามลำดับดังนี้ 1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1.1กรณีนำสินค้าจากต่างประเทศเข้าไปใน NLC ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่ได้รับ ยกเว้นอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร มีการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ 1.2 กรณีนำสินค้าออกจาก NLC โดยมิได้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แต่ นำออกจาก NLC เข้ามาให้แก่ผู้ประกอบการในราชอาณาจักร ผู้ที่นำสินค้าออกจาก NLC มีฐานะเป็นผู้นำเข้า ดังนั้น ผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ 1.3 กรณีนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปใน NLC เฉพาะสินค้าที่ต้องเสีย อากรขาออกหรือที่ได้รับยกเว้นอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรถือเป็นการ ส่งออกตามมาตรา 77/1(14)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ที่ส่งสินค้าเข้าไปใน NLC มี หน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ 1.4 การให้บริการของธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน NLC เป็นการให้บริการรับส่งหรือ กระจายสินค้าซึ่งเป็นการกระทำในราชอาณาจักรไทย ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 2.1 กรณี NLC เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ไทยจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามหลักเกณฑ์ใด 2.2 กรมสรรพากรอนุญาตให้ผู้ประกอบการต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ สามารถส่งสินค้าและเก็บ สินค้า (Non-resident Inventory) ในคลังสินค้าของ NLC ในเขตปลอดอากรได้หรือไม่ อย่างไร 2.3 กรณีผู้ประกอบการต่างประเทศ หากเกิดรายการค้าขายระหว่าง ผู้ประกอบการต่างประเทศในขณะที่สินค้าเก็บอยู่ในคลังสินค้าของ NLC ผู้ประกอบการ ต่างประเทศมีภาระภาษี ทั้งกรณีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาระภาษีมูลค่าเพิ่มใน ประเทศไทย อันเนื่องจากรายการสินค้านั้นหรือไม่ เนื่องจากในกรณีของประเทศ สิงคโปร์ผู้ประกอบการต่างประเทศไม่มีภาระภาษี ทั้งกรณีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลและ ภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ NLC มิได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือผู้กระทำการแทน ผู้ประกอบการต่างประเทศในการติดต่อให้เกิดการค้าระหว่างกันแต่อย่างใด |
แนววินิจฉัย | : 1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1.1 กรณี NLC เป็นเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เมื่อ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้าไปใน NLC เฉพาะสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าตาม กฎหมายว่าด้วยศุลกากร การนำเข้าสินค้าดังกล่าวได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตาม มาตรา 81(2)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร 1.2 กรณีนำสินค้าที่ต้องเสียอากรขาเข้าหรือได้รับยกเว้นอากรขาเข้าตาม กฎหมายว่าด้วยศุลกากรออกจาก NLC ซึ่งเป็นเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วย ศุลกากรโดยมิใช่เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร แต่นำออกจาก NLC เข้ามาให้ ประกอบกิจการในราชอาณาจักร เข้าลักษณะเป็นการนำเข้าตามมาตรา 77/1(12) แห่ง ประมวลรัษฎากร ผู้นำสินค้าออกจาก NLC มีฐานะเป็นผู้นำเข้าซึ่งมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 โดยยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อ เจ้าพนักงานศุลกากร พร้อมชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ตามมาตรา 83/9 แห่งประมวลรัษฎากร 1.3 กรณีนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปใน NLC ซึ่งเป็นเขตปลอดอากร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เฉพาะสินค้าที่ต้องเสียอากรขาออกหรือที่ได้รับยกเว้น อากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรเข้าลักษณะเป็นการส่งออกตามมาตรา 77/1(14)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ที่ส่งสินค้าเข้าไปใน NLC จะได้รับสิทธิเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 125) เรื่อง กำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการนำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตปลอดอากร และการขายสินค้าของคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากรตามกฎหมายว่า ด้วยศุลกากร ตามมาตรา 77/1(14) (ก) และ (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2545 1.4 กรณีการให้บริการของ NLC เป็นการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการ เคลื่อนย้ายวัตถุดิบ สินค้าระหว่างการผลิต และสินค้าสำเร็จรูป ตลอดจนให้บริการด้าน การจัดการคลังสินค้าตลอดจนระบบการขนส่งแบบ Logistics ภายในเขตปลอดอากร ใน นามของลูกค้าเป็นการทั่วไป จึงเข้าลักษณะเป็นผู้ให้บริการซึ่งทำหน้าที่รับส่งหรือ กระจายสินค้าซึ่งได้กระทำในราชอาณาจักรไทยอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตาม มาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 จาก มูลค่าของบริการที่ได้รับทั้งสิ้นตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 2.1 กรณี NLC เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตาม กฎหมายไทย NLC จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิตามมาตรา 65 แห่ง ประมวลรัษฎากร ซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำใน รอบระยะเวลาบัญชีหักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร 2.2 กรณีผู้ประกอบการต่างประเทศเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศดำเนินการส่งสินค้าและเก็บสินค้า (Non-resident Inventory) ในคลังสินค้าของ NLC ในเขตปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หาก ผู้ประกอบการต่างประเทศเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศขายสินค้า ให้แก่ผู้ซื้อในประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายต่างประเทศและประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมี NLC เป็นผู้ทำการแทนใน นามของผู้ประกอบการต่างประเทศ (ผู้ขายสินค้า) ในการเก็บรักษาและส่งมอบสินค้า ดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว หากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า NLC ได้ประกอบธุรกิจอย่าง เป็นอิสระจากผู้ประกอบการต่างประเทศตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัย ภาษีอากรที่ 2/2526 เรื่อง ภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ย่อมถือว่าบริษัทหรือห้าง หุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศมี NLC เป็นผู้ทำการแทนหรือผู้ทำการติดต่อซึ่งเป็นเหตุ ให้ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย ซึ่ง NLC มีหน้าที่และความรับผิดในการยื่น รายการและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแทนผู้ประกอบการต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศผู้ขายสินค้าดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 76 ทวิ แห่ง ประมวลรัษฎากร 2.3 กรณีผู้ประกอบการต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าส่งสินค้าจาก ต่างประเทศเข้าไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของตนภายใน NLC ซึ่งเป็นเขตปลอดอากร และ ภายหลังได้ส่งสินค้าดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรภายใต้รายการค้าขายระหว่างตน กับผู้ประกอบการต่างประเทศรายอื่น การขายและการส่งมอบดังกล่าวไม่ถือเป็นการ ขายในราชอาณาจักร ผู้ประกอบการต่างประเทศ (ผู้ขายสินค้า) จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยแต่อย่างใด นอกจากนี้กรณีการนำสินค้าออกจาก NLC โดยส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในนามของตนเอง ถือว่าเป็นผู้ส่งออกซึ่งได้รับ สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 68/33606 |