เลขที่หนังสือ | : กค 0706/9960 |
วันที่ | : 28 พฤศจิกายน 2548 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการควบกิจการ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 40(4)(ข), 40(4)(ฉ) |
ข้อหารือ | : 1. บริษัทฯ ได้หารือแทนลูกค้า กรณีบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด เป็นนิติ บุคคลจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน โดยบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ประกอบกิจการผลิต เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และมีความประสงค์จะรวมกิจการเข้าด้วยกันด้วยวิธีการควบ กิจการ โดยบริษัททั้ง 2 จะเลิกกิจการเมื่อมีการควบกิจการแล้ว และตั้งบริษัทจำกัดขึ้น ใหม่ คือ บริษัท ค จำกัด เพื่อรับโอนกิจการของบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ที่ ควบรวมกันนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 1238 ถึงมาตรา 1243 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ 2. ในการควบกิจการดังกล่าว บริษัท ค จำกัด จะรับโอนทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน ตลอดจนกำไรสะสม (Retained earning) ของบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ทั้งนี้ การตีราคาทรัพย์สินที่โอนนั้น บริษัท ค จำกัด จะรับโอนทรัพย์สินตามราคาที่ ปรากฏในบัญชีของบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ในวันที่ควบเข้ากัน โดย บริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ที่ควบเข้ากันจะตีราคาทรัพย์สินตามราคาตลาด ในวันที่ควบเข้ากัน ตามมาตรา 74(1)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร 3. ตามแผนการควบกิจการนั้น กำไรสะสมจากการประกอบกิจการที่มีอยู่เดิม ทั้งหมดในบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด จะไม่ได้จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในสอง บริษัทดังกล่าว แต่จะถูกโอนไปยังบริษัท ค จำกัด ในทันที ทั้งนี้ จำนวนทุนเรือนหุ้น ของบริษัท ค จำกัด จะเท่ากับยอดรวมจำนวนทุนเรือนหุ้นของบริษัท ก จำกัด และ บริษัท ข จำกัด รวมกัน และผู้ถือหุ้นในบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด จะได้รับ สัดส่วนของหุ้นในบริษัท ค จำกัด ตามอัตราส่วนที่คิดจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholders equity) ที่มีอยู่เดิมในบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ทันทีเมื่อการ ควบกิจการแล้วเสร็จ 4. บริษัทฯ จึงหารือว่า 4.1 การโอนกำไรสะสมที่มีอยู่ในบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด ตาม ข้อ 3.จะถือเป็นเงินได้พึงประเมินของผู้ถือหุ้นของบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด หรือไม่ และบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือไม่ และในอัตราเท่าใด ถ้าผู้ถือหุ้นมีทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา บริษัทหรือห้าง หุ้นส่วนนิติบุคคลในประเทศไทยและในต่างประเทศ 4.2 ในกรณีที่ถือเป็นเงินได้ของผู้ถือหุ้นในบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้หรือไม่ อย่างไร 4.3 หากต้องเสียภาษีตามข้อ 4.1 ในขณะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ก จำกัด และ บริษัท ข จำกัด ไปครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ถือหุ้นของบริษัท ค จำกัด ที่เกิดขึ้นใหม่จากการ ควบกิจการ (ซึ่งประกอบด้วยผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด) จะต้องมีภาระภาษีเงินได้อีกครั้งหรือไม่ อย่างไร และ บริษัท ค จำกัด จะบันทึกบัญชี กำไรสะสมที่ได้รับโอนมาจากบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด อย่างไร เพื่อให้ ทราบว่า เป็นส่วนที่ผู้ถือหุ้นได้เสียภาษีแล้ว |
แนววินิจฉัย | : กรณีบริษัทควบเข้ากัน และจ่ายเงินได้จากผลกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้น จะทำให้เกิด เงินได้พึงประเมินดังต่อไปนี้ (1) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากบริษัทตาม มาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร (2)ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทควบเข้ากัน หรือรับช่วงกันหรือเลิกกันซึ่ง ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้เมื่อได้รับเงินได้ที่จ่ายจากผลกำไรตามจริง (realized income) คือ (1) ผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลตามมาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวล รัษฎากร ตามจริงหรือ (2) หากมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ถูกตีราคาเพิ่มสูงขึ้นตามมาตรา 40(4)(ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ถือหุ้นยังไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จนกว่าจะมี การขายหุ้นนั้นไป ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด มีความประสงค์จะควบกิจการ โดยตั้งเป็นบริษัทจำกัดขึ้นใหม่ คือ บริษัท ค จำกัด ซึ่งบริษัท ก จำกัด และบริษัท ข จำกัด (บริษัทเดิม) จะโอนกำไรสะสมของบริษัท ไปยังบริษัท ค จำกัด (บริษัทใหม่) โดยบริษัทเดิมไม่ได้จ่ายเงินกำไรสะสมดังกล่าว ให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจริง บริษัทเดิมจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และผู้ถือหุ้นไม่ มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร |
เลขตู้ | : 68/33702 |