เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0706/8011
วันที่: 26 กันยายน 2548
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขอคืนภาษีอากร
ข้อกฎหมาย: มาตรา 63 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ: นาย A อายุ 76 ปี มีเงินได้พึงประเมินจากดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารในปี 2542 เป็นจำนวนเงิน 89,256.90 บาท มีภาษีที่หักและนำส่งไว้จำนวน 13,388.53 บาท แต่นาย A ได้นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมายื่นคำร้องขอคืนภาษีสองครั้ง โดยครั้งที่หนึ่งได้ขอคืนภาษีตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2542 ขอคืนภาษีอากรเป็นจำนวนเงิน 12,942.24 บาท เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2547 และครั้งที่สองตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยรวมเป็นเงินได้ของปี 2546 และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เป็นของปี 2546 ขอคืนภาษีอากรเป็นจำนวนเงิน 12,942.24 บาท เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2548 ซึ่งสำนักงานสรรพากรพื้นที่ฯ ได้พิจารณาคำร้องขอคืนภาษีตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2546 ที่ยื่นครั้งที่สองและมีคำสั่งไม่อนุมัติให้คืนภาษีอากร ตามหนังสือแจ้งไม่คืนเงินภาษีอากร (ค.30) ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 โดยแจ้งเหตุผลว่า เนื่องจากนาย A นำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ปี 2542 มารวมยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2546 ซึ่งหนังสือรับรองฯ ปี 2542 จะต้องยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 3 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งปี ซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป (ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2545) ตามมาตรา 63 แห่งประมวลรัษฎากร
นาย A ได้ชี้แจงสาเหตุที่นำหลักฐานหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ปี 2542 มารวมยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2546 เนื่องจากในปี 2545 ได้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออก ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง จึงขอให้พิจารณาคืนภาษีอากรดังกล่าว
แนววินิจฉัย: กรณีนาย A มีเงินได้พึงประเมินจากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปี 2542 เป็นจำนวนเงิน 89,256.90 บาท มีภาษีที่หักและนำส่งไว้จำนวน 13,388.53 บาท แต่นาย A ได้นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสองครั้ง โดยครั้งที่หนึ่งยื่นคำร้องขอคืนตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2542 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2547 ขอคืนภาษีอากรเป็นจำนวนเงิน 12,942.24 บาท และครั้งที่สองตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยรวมเป็นเงินได้ของปี 2546 และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2546 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2548 ขอคืนภาษีอากรเป็นจำนวนเงิน 12,942.24 บาท ซึ่งสำนักงานสรรพากรพื้นที่ฯ ได้พิจารณาคำร้องตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2546 ที่ยื่นครั้งที่สอง มีคำสั่งไม่อนุมัติให้คืนภาษีและได้มีหนังสือแจ้งไม่คืนเงินภาษีอากรเนื่องจากนาย A นำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ปี 2542 มารวมยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2546
กรณีดังกล่าวหากนาย A ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งแล้วเป็นจำนวนเกินกว่าที่ควรต้องเสีย ก็มีสิทธิได้รับเงินจำนวนที่เกินนั้นคืน แต่ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินภายใน 3 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษีเกินไป ตามมาตรา 63 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งนาย A ต้องยื่นคำร้องขอคืนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ดังนั้น กรณีนาย A ขอให้พิจารณาคืนภาษีอากรดังกล่าว จึงเป็นการพ้นกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีแล้ว กรมสรรพากรจึงไม่อาจคืนภาษีให้ได้
เลขตู้: 68/33585

 


 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020