เลขที่หนังสือ | : กค 0706/8/8767 |
วันที่ | : 21 ตุลาคม 2548 |
เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการนำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายมาใช้ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 50 ทวิ (3) มาตรา 52 และมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ | : บริษัทฯ ทำสัญญารับจ้างย้ายระบบงานคอมพิวเตอร์ และจัดหาอุปกรณ์เพื่อ ติดตั้งทำการฝึกอบรมและทำ Data Conversion ให้กับ ก. ในระหว่างปฏิบัติงานตาม สัญญาได้มีการยกเลิกระบบงานบางส่วนและมีการลดมูลค่าค่าจ้างลงคงเหลือเป็นเงิน ค่าจ้าง จำนวน 58,820,682 บาท เมื่อบริษัทฯ ปฏิบัติงานตามสัญญาเสร็จสิ้นแล้วจึง เรียกเก็บค่าจ้าง แต่เนื่องจากบริษัทฯ ปฏิบัติผิดข้อสัญญารับจ้าง ก. จึงได้คิดค่าปรับ เป็นเงิน 1,852,281 บาท ซึ่ง ก. ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินค่าจ้างโดยหักเงินค่าปรับ จำนวนดังกล่าวกับได้หักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเงินจำนวน 549,726 บาท ออกแล้ว คงเหลือเพื่อชำระหนี้ให้แก่บริษัทฯ เป็นเงิน 56,418,675 บาท พร้อมกันนี้ ก. ได้ออก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 30 กันยายน 2546 และ ก. ได้นำเงิน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้นี้ส่งกรมสรรพากรแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2546 แต่ บริษัทฯ ไม่ยอมรับเช็คจาก ก. เพราะบริษัทฯ ได้โต้แย้งก. ว่า จำนวนเงินค่าปรับที่ ได้หักไว้นั้นไม่ถูกต้อง และขอลดค่าปรับลง ซึ่ง ก. ได้พิจารณาข้อโต้แย้งของ บริษัทฯ แล้วได้ยินยอมลดเงินค่าปรับลงและได้แจ้งให้บริษัทฯ ไปรับคืนในภายหลัง แต่ ก. ปฏิเสธที่จะออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายฉบับใหม่ให้สำหรับจำนวน เงินค่าจ้างจำนวนใหม่ที่ ก. ได้พิจารณาลดค่าปรับให้แก่บริษัทฯ บริษัทฯ จึงขอทราบ ว่าหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ฉบับลงวันที่ 30 กันยายน 2546 บริษัทฯ จะ นำมาเป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชีปี 2547 (รอบระยะเวลาบัญชี 1 ตุลาคม 2546 ถึง 30 กันยายน 2547) ได้หรือไม่ และการที่ ก. ได้นำภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่ได้ หักไว้เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 ส่งกรมสรรพากรในเดือนตุลาคม 2546 ทั้งที่มีการ ชำระเงินค่าจ้างกันจริงในปี 2547 เป็นการปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ |
แนววินิจฉัย | : 1. กรณีบริษัทฯ ทำสัญญารับจ้างกับ ก. เพื่อทำการย้ายระบบงานคอมพิวเตอร์ และงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก. ซึ่งมีฐานะเป็นองค์การของรัฐบาลและเป็นผู้ จ่ายเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าจ้างทำของให้แก่บริษัทฯ มีหน้าที่คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1.0 ของค่าจ้างที่ตกลงตามสัญญา ตามมาตรา 69 ทวิ แห่ง ประมวลรัษฎากร พร้อมทั้งออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปี ภาษีนั้นให้แก่ผู้มีเงินได้ในทันทีทุกครั้งที่มีการจ่าย และให้นำเงินภาษีที่ได้หักไว้ ไปส่งและยื่นรายการ ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่ จ่ายเงินได้พึงประเมินไม่ว่าจะได้หักภาษีไว้หรือไม่ ทั้งนี้ ตามมาตรา 50 ทวิ (3) และมาตรา 52 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยาย กำหนดเวลาการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การนำส่งภาษีเงินได้ การนำส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการยื่นรายการ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งในกรณีที่มี การชำระเงินด้วยเช็คผู้มีหน้าที่คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายจะต้องคำนวณหักภาษีตาม วันที่ที่ลงในเช็ค ดังนั้น เมื่อ ก. ได้ออกเช็คลงวันที่ 30 กันยายน 2546 เพื่อชำระเงิน ค่าจ้างตามสัญญา ก. จึงมีหน้าที่คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ตามวันที่ที่ลงในเช็ค พร้อมทั้งออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายมอบให้แก่บริษัทฯ แล้ว ก. จึง นำส่งภาษีเงินได้ที่ได้หักไว้ยังอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่จ่ายเงิน และบริษัทฯ มี สิทธินำไปถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทฯ ได้ในรอบระยะเวลา บัญชีที่หักไว้นั้น ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีบริษัทฯ ปฏิเสธไม่รับเช็คและไม่ยอมรับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ ก. ได้ออกให้เพื่อชำระค่าจ้างเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 อันเป็นผลให้ บริษัทฯ ไม่ได้นำเงินค่าจ้างมารวมเป็นรายได้ในการคำนวณภาษีและไม่ได้นำภาษีที่ ถูกหัก ณ ที่จ่ายมาเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2546 ซึ่ง ที่ถูกต้องแล้วบริษัทฯ จะต้องนำเงินค่าจ้างจำนวนดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นเงินได้ ในการเสียภาษีตามหลักเกณฑ์สิทธิตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อ บริษัทฯ ไม่ได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ย่อมเป็นผลทำให้จำนวนเงินได้ใน การคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลคลาดเคลื่อนและเป็นผลทำให้จำนวนเงิน ภาษีที่คำนวณได้ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ดังนั้น บริษัทฯ จะต้องปรับปรุงรายการและยื่น แบบแสดงรายการสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2546 ให้ถูกต้องต่อไป |
เลขตู้ | : 68/33635 |