:        สำนักงานกองทุน ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของเกษตรกรแทนเกษตรกร โดยเกษตรกรจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่กองทุนฯ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้คืนให้แก่ กองทุนฯ ซึ่งในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม กองทุนฯ ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ แล้วแต่กรณีแทนเกษตรกรด้วย โดยใบเสร็จรับเงินของสำนักงานที่ดินจะระบุชื่อเกษตรกรและกองทุนฯ เป็นผู้ชำระ ตามตัวอย่างสำเนาใบเสร็จรับเงิน จึงหารือว่า กรณีการดำเนินงานของกองทุนได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 459) พ.ศ. 2549 กองทุนฯ มีสิทธิขอคืนภาษีอากรที่ได้จ่ายไปแล้ว ได้หรือไม่ และขอคืนได้ ณ ที่ใด

:       กรณีเกษตรกรได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ เนื่องจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 459) พ.ศ.2549 ทำให้การเสียภาษีตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการเสียโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ย่อมมีสิทธิขอคืนภาษีอากรได้ ดังนี้       1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเกษตรกรโอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่กองทุนฯ ซึ่งกองทุนฯ มีหน้าที่หักภาษีนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในขณะที่มีการจดทะเบียน ตามมาตรา 52 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับกองทุนฯ เป็นผู้ออกภาษีแทนเกษตรกร กองทุนฯ เป็นผู้เสียประโยชน์โดยตรงจากการนำส่งภาษีโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย กองทุนฯจึงมีสิทธิขอคืนภาษี โดยให้ยื่นคำร้องขอคืนได้ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สำนักงานของกองทุนฯ ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ ทั้งนี้ ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร       2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเกษตรกรเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หากได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะไว้โดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย เกษตรกรจึงเป็นผู้มีสิทธิขอคืนภาษี โดยยื่นคำร้อง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่เกษตรกรมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตท้องที่       3. อากรแสตมป์ กรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเกษตรกรเป็นผู้ออกใบรับ หากได้เสียอากรไว้โดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย เกษตรกรจึงเป็นผู้มีสิทธิขอคืนอากรโดยยื่นคำร้อง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่เกษตรกรมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตท้องที่ ทั้งนี้ ตามมาตรา 122 แห่งประมวลรัษฎากร