เลขที่หนังสือ | : กค 0706(กม.08)/พ./209 |
วันที่ | : 31 มกราคม 2550 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขออนุมัติเฉลี่ยภาษีซื้อตามน้ำหนัก ข้อหารือสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 82/6 แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ | : บริษัท ก. ประกอบกิจการโรงพยาบาลและประกอบกิจการอื่นๆ เช่น ให้บริการซักรีดเสื้อผ้า ให้บริการโทรศัพท์และการจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล ร้อยละ 98 ของรายได้ทั้งหมด และมีรายได้จากการประกอบกิจการอื่นๆ ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษี มูลค่าเพิ่มร้อยละ 2 ของรายได้ทั้งหมด บริษัทฯ มีสถานประกอบการ 2 แห่ง คือโรงพยาบาล ข. และ โรงพยาบาล ค. ในการประกอบกิจการของบริษัทฯ ที่โรงพยาบาล ด. จะมีแผนกซักรีดรวมอยู่ด้วย ทำหน้าที่ซักรีดเสื้อผ้าที่ใช้ในการประกอบกิจการของโรงพยาบาลทั้งสองแห่งพร้อมทั้งรับบริการซักรีด เสื้อผ้าจากบุคคลภายนอกด้วย โดยใช้เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่จำนวน 4 เครื่อง มิได้แยกเครื่องซักผ้า และโรงซักรีดออกจากกัน บริษัทฯ ได้คำนวณค่าใช้จ่ายในการซักรีดเสื้อผ้าทั้งสองประเภท ดังนี้ |
แนววินิจฉัย | : 1. ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการและมีรายได้ของปีที่ผ่านมาแล้ว หากมีภาษีซื้อ ที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการซึ่งนำไปใช้ในกิจการทั้งสองประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็น ภาษีซื้อของกิจการประเภทใด ผู้ประกอบการจะต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในข้อ 2(3) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 กล่าวคือ ผู้ประกอบการต้องเฉลี่ยภาษีซื้อของสินค้าหรือบริการตาม ส่วนของรายได้ของแต่ละกิจการโดยมีสิทธิเลือกเฉลี่ยภาษีซื้อได้ 2 วิธี คือ วิธีที่ 1. เฉลี่ยภาษีซื้อ ตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมาของกิจการที่ต้องเสียภาษี มูลค่าเพิ่มและกิจการที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และขอคืนภาษีซื้อตามที่ได้เฉลี่ยไว้โดยไม่ต้อง ทำการปรับปรุงภาษีซื้อในภายหลังอีก วิธีที่ 2. เฉลี่ยภาษีซื้อ ตามส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมาของกิจการทั้งสองประเภท และ เมื่อสิ้นปีสามารถปรับปรุงภาษีซื้อให้เป็นไปตามส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงทั้งปีของกิจการ ทั้งสองประเภท 2. อย่างไรก็ดี ตามข้อ 3(1) แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าวได้กำหนดหลักเกณฑ์ ที่เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่จะไม่ต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อ โดยในกรณีรายได้ ของปีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของ รายได้ทั้งสิ้นของกิจการผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกไม่นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขายได้ โดยไม่ต้องทำการเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ใน 1 และเมื่อผู้ประกอบการได้เลือกปฏิบัติตามวิธีนี้แล้ว ก็ต้องถือปฏิบัติตลอดไป จนกว่าส่วนของรายได้ของปีที่ผ่านมาของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษี มูลค่าเพิ่มมีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ทั้งสิ้นของกิจการ หรือผู้ประกอบการได้รับอนุมัติ จากอธิบดีกรมสรรพากรให้เปลี่ยนแปลงได้ 3. กรณีบริษัทฯ ซึ่งประกอบกิจการทั้งสองประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น หากบริษัทฯ ได้นำสินค้าหรือบริการที่ได้มาหรือได้รับมาในการประกอบกิจการ ของตนไปใช้หรือจะใช้ในกิจการทั้งสองประเภท ถ้าสามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อเกิดจาก สินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถือเป็นภาษีซื้อ ของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นๆ ตามข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535 อย่างไรก็ดีหากบริษัทฯ ไม่สามารถแยกได้ อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจากสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด บริษัทฯ ต้องใช้หลักเกณฑ์การเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ที่กล่าวใน 1 และ 2 ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ สามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว การที่บริษัทฯ จะขอใช้หลักเกณฑ์อื่นในการเฉลี่ยภาษีซื้อ ซึ่ง ไม่ใช่การเฉลี่ยภาษีซื้อตามที่กล่าวใน 1 และ 2 จึงไม่สามารถให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามที่บริษัทฯ ร้องขอได้ |
เลขตู้ | : 70/34752 |