ประกาศกรมสรรพากร
เรื่อง ขยายกำหนดเวลายื่นรายการเพื่อชำระหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ของนิติบุคคลอาคารชุด
---------------------------------------------
ตามที่กรมสรรพากรได้ออกประกาศกรมสรรพากร เรื่อง ขยายกำหนดเวลายื่นรายการเพื่อชำระหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนิติบุคคลอาคารชุด ลงวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2540 เพื่อขยายกำหนดเวลายื่นรายการ (แบบ ค.10) เพื่อปรับปรุงการเสียภาษีตามแบบแสดงรายการของนิติบุคคลอาคารชุด ที่เข้าลักษณะตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 33/2540 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 ซึ่งได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้โดยให้สามารถขอคืนภาษีขายที่ได้ยื่นชำระไว้แล้วได้ แม้จะเป็นระยะเวลาเกินกว่า 3 ปี ตามมาตรา 84/1 แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมกับชำระภาษีซื้อในส่วนที่ได้รับคืนหรือได้ใช้เครดิตในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้วให้แก่กรมสรรพากร โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่มและไม่ต้องรับผิดทางอาญา นั้น
เนื่องจากยังมีนิติบุคคลอาคารชุดอีกเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถใช้สิทธิได้ทันภายในกำหนดเวลาตามประกาศกรมสรรพากรดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ชำระไว้แล้วเป็นเวลาเกินกว่า 3 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 อัฏฐวรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร จึงขยายกำหนดเวลายื่นรายการ (แบบ ค.10) เพื่อปฏิบัติการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบแสดงรายการ โดยชำระภาษีซื้อและคืนภาษีขายของนิติบุคคลอาคารชุดออกไปอีกครั้งหนึ่ง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 นิติบุคคลอาคารชุดต้องเข้าลักษณะตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 33/2540 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 นั่นคือ เป็นนิติบุคคลอาคารชุดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งกระทำกิจการเฉพาะตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดดังต่อไปนี้ ทำให้ไม่เข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องนำเงินกองทุน ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง และค่าสาธารณูปโภคที่เป็นค่าไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ หรือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างอื่นที่เรียกเก็บจากเจ้าของห้องชุดมารวมคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
(1) นิติบุคคลอาคารชุดต้องกระทำกิจการเฉพาะเพื่อจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางหรือกระทำการใดๆ เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกำหนดไว้
(2) นิติบุคคลอาคารชุดต้องไม่กระทำกิจการใดนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกำหนดไว้
(3) นิติบุคคลอาคารชุดต้องไม่ขายสินค้าหรือให้บริการใดกับบุคคลอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของห้องชุดนั้น และ
(4) กิจการตามวัตถุประสงค์ตาม (1) ต้องเป็นกิจการซึ่งตามปกติวิสัยในการจัดการดูแลรักษาอาคารชุดเป็นกิจการที่จำเป็นและสมควร
ข้อ 2 นิติบุคคลอาคารชุดที่เข้าลักษณะตามข้อ 1 และได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว ซึ่งมีความประสงค์จะขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ชำระไว้ในขณะยื่นแบบแสดงรายการก่อนที่จะได้มีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรดังกล่าว ไม่ว่านิติบุคคลอาคารชุดนั้นจะได้รับแจ้งการประเมินหรือคำสั่งให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว หรืออยู่ระหว่างถูกเรียกตรวจสอบไต่สวน หรืออยู่ระหว่างการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือต่อศาล ให้ยื่นรายการ(แบบ ค.10) พร้อมรายการแสดงรายละเอียดของภาษีขายและภาษีซื้อ พร้อมทั้งภาษีที่ชำระหรือขอคืนเป็นรายเดือนภาษีตามแบบแสดงรายการที่ได้ยื่นไว้เดิมพร้อมกับชำระหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในระยะเวลาตามที่กำหนดในข้อ 4 โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมทั้งไม่ต้องรับผิดทางอาญาสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีดังกล่าว
ข้อ 3 ในกรณีที่มีภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือศาล นิติบุคคลอาคารชุดต้องทำคำร้องเป็นหนังสือขอถอนอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หรือถอนฟ้องต่อศาลในกรณีที่เป็นโจทก์ หรือทำคำร้องเป็นหนังสือขอให้กรมสรรพากรถอนฟ้องต่อศาลกรณีที่เป็นจำเลย และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือศาลได้อนุมัติหรืออนุญาตแล้ว
ข้อ 4 นิติบุคคลอาคารชุดที่ประสงค์จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามประกาศนี้ให้ยื่นรายการ(แบบ ค.10)ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2542 ถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2543
การยื่นรายการ(แบบ ค.10) ตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือเขตท้องที่ ที่ได้ยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้
ข้อ 5 อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และสถานที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อปฏิบัติการตามประกาศนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
เกรียงศักดิ์ วัฒนวรางกูร
รองอธิบดี รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร