เมนูปิด


          2. เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549 ห้างฯ ได้ยื่นแบบขอและอนุมัติให้เสียภาษีอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน (อ.ส.4) และได้ชำระอากรแสตมป์เป็นเงินจำนวน 764,392.52 บาท ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ลงวันที่ 29 กันยายน 2548 ต่อมาเทศบาลนครฯ บอกเลิกสัญญาจ้าง ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 เนื่องจากไม่สามารถจัดจ้างตามวงเงินที่ทำสัญญาจ้างฯ ได้ ห้างฯ จึงได้ยื่นแบบคำร้องของคืนภาษีอากร (ค.10) เพื่อขอคืนเงินอากรแสตมป์ที่ได้ชำระไว้ดังกล่าว

เลขที่หนังสือ: กค 0706(กม.08)/3443
วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550
เรื่อง: อากรแสตมป์ กรณีการขอคืนเงินอากรแสตมป์ ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์
ข้อกฎหมาย: มาตรา 103 มาตรา 104 และมาตรา 122 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ          1. ห้างฯ ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศได้ทำสัญญาจ้างก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเทศบาลฯ ระยะที่ 1 กับเทศบาลนครฯ ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 โดยเทศบาลนครฯ ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็นราคาเหมารวมจำนวนเงิน 817,900,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 53,507,476.63 บาท ตลอดจนภาษีอากรอื่นๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงแล้ว) และได้ทำบันทึกข้อตกลงการลงนามในสัญญาจ้างโครงการก่อสร้างรวบรวม และบำบัดน้ำเสียเทศบาล ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 โดยขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสัญญาหากสำนักงบประมาณได้พิจารณาผลการประกวดราคาแล้ว และไม่อนุมัติงบประมาณ หรือขอสงวนสิทธิ์ในการบอกเลิกสัญญา และขอปรับปรุงรายละเอียดในสัญญาเพื่อลงนามในสัญญาใหม่ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติหากสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินประกวดราคาแล้วเห็นว่าราคาตามที่ลงนามในสัญญาไม่เหมาะสมจะต้องปรับลดราคาหรือปรับปรุงรายละเอียดให้เหมาะสมตามสภาพเศรษฐกิจ
แนววินิจฉัย          กรณีสัญญาจ้างก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเทศบาล ระหว่างห้างฯกับเทศบาลนครฯ เข้าลักษณะตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ ตามมาตรา 103 และมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากรการยกเลิกสัญญาจ้างเนื่องจากไม่สามารถจัดจ้างตามวงเงินที่ทำสัญญาจ้างฯ ได้ไม่เสื่อมสิทธิแก่การเรียกเก็บอากรแสตมป์ที่เก็บไปแล้วมิใช่เรื่องการเสียค่าอากรหรือค่าเพิ่มอากรเกินไปตามมาตรา 122 แห่งประมวลรัษฎากรจึงไม่ต้องคืนอากรแสตมป์
เลขตู้: 70/35464

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020