ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 176 ) | |
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมือง ------------------------------------------- | |
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 58 และมาตรา 140 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 อธิบดีกรมสรรพากรโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองไว้ ดังต่อไปนี้ | |
ข้อ 1 การบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมือง ผู้เสียภาษีที่จะบริจาคได้ต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทย และเมื่อคำนวณภาษีตามประมวลรัษฎากรตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีแล้วมีเงินภาษีที่ต้องชำระตั้งแต่หนึ่งร้อยบาทขึ้นไป ให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ดังต่อไปนี้ | |
(1) ต้องแสดงเจตนาไว้ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี โดยต้องระบุให้ชัดเจนว่าประสงค์จะบริจาคหรือไม่บริจาค และระบุรหัสรายชื่อพรรคการเมืองที่ต้องการบริจาค หากไม่ระบุความประสงค์หรือไม่ระบุรหัสรายชื่อพรรคการเมือง ให้ถือว่าไม่ได้แสดงเจตนาบริจาค | |
(2) แสดงเจตนาบริจาคได้เพียงหนึ่งพรรคการเมืองและเมื่อได้แสดงเจตนาแล้วจะเปลี่ยนแปลงมิได้ หากแสดงเจตนาเกินกว่าหนึ่งพรรคการเมือง ให้ถือว่าไม่ประสงค์จะบริจาคให้พรรคการเมืองใด | |
(3) เงินภาษีที่ได้แสดงเจตนาบริจาคให้แก่พรรคการเมืองตามประกาศนี้ ห้ามมิให้นำไปหักเป็นค่าลดหย่อนตามมาตรา 47 แห่งประมวลรัษฎากร | |
(4) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างเป็นผู้เสียภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีรวมกันและรวมคำนวณภาษี ให้ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิระบุความประสงค์ของตนเองในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี | |
ข้อ 2 พรรคการเมืองที่ผู้เสียภาษีจะแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษีให้ได้ในปีภาษีใดจะต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนพรรคการเมืองในปีภาษีนั้น | |
พรรคการเมืองตามวรรคหนึ่งที่สิ้นสภาพ เลิก หรือยุบตามกฎหมายในปีภาษีใดให้ถือเสมือนว่าไม่มีพรรคการเมืองนั้นที่จะได้รับการแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษีในปีภาษีนั้น | |
ข้อ 3 ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งรายชื่อและรหัสของพรรคการเมือง ตามข้อ 2 ต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบเพื่อใช้สิทธิตามประกาศนี้ | |
ข้อ 4ให้กรมสรรพากรจัดทำรายชื่อพรรคการเมืองที่ได้รับบริจาคเงินภาษีพร้อมจำนวนเงินภาษีที่ได้รับบริจาคทั้งหมดส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมือง พร้อมกับโอนเงินดังกล่าวให้กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อโอนต่อให้พรรคการเมืองที่ได้รับบริจาคเงินภาษีนั้นต่อไป | |
ในกรณีที่พรรคการเมืองใดสิ้นสภาพ เลิก หรือยุบตามกฎหมายก่อนที่กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจะโอนเงินให้แก่พรรคการเมืองนั้น ให้กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองดำเนินการโอนเงินภาษีที่ได้บริจาคให้พรรคการเมืองนั้นกลับคืนเป็นรายได้แผ่นดิน | |
ข้อ 5 ในกรณีมีปัญหาในการปฏิบัติ ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากร ให้ถือเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดตามประกาศนี้ด้วย | |
ข้อ 6 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสำหรับการแสดงเจตนาตั้งแต่ปีภาษี 2551 เป็นต้นไป | |
ประกาศ ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 | |
วินัย วิทวัสการเวช (นายวินัย วิทวัสการเวช) อธิบดีกรมสรรพากร |