เลขที่หนังสือ | : กค 0702/7318 |
วันที่ | : 7 กันยายน 2552 |
เรื่อง | : ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร |
ข้อกฎหมาย | : มาตรา 77/1(11) มาตรา 78/2(2) มาตรา 82 มาตรา 82/14 มาตรา 79 และมาตรา 80(1) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ | บริษัท B (บริษัทฯ) เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งถือหุ้นโดย (บริษัทแม่) ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการในเขตปลอดอากรจากกรมศุลกากร โดยการประกอบกิจการ ในเขตปลอดอากรมีข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1. บริษัทฯ จะนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ภายใต้เครื่องหมายการค้า MB โดยว่าจ้าง บริษัท T เป็นผู้ประกอบรถยนต์ และบริษัทฯ จะจำหน่ายรถยนต์ดังกล่าวให้กับบริษัทแม่ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศต่อไป 2. บริษัทฯ และบริษัท T ได้ขออนุมัติเป็นผู้ประกอบการและผู้จัดตั้งเขตปลอดอากรจากกรมศุลกากร ซึ่งบริษัท T ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดตั้งเขตปลอดอากรแล้ว ตามใบอนุญาตเป็นผู้จัดตั้งเขตปลอดอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร (แบบที่ 18) พ.ศ. 2543 ที่ 6/2552 3. บริษัทแม่จะซื้อรถยนต์จากบริษัทฯ ไปขายต่อให้แก่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทยและทำหน้าที่ในการทำตลาดใน ประเทศไทย โดยระหว่างบริษัทแม่และบริษัทฯ ไม่มีการทำสัญญาแต่งตั้งผู้จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวสำหรับการซื้อขาย รถยนต์ดังกล่าว และไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ระหว่างกันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่จะใช้คำสั่งซื้อรถยนต์ (Purchase Order) เป็นเอกสารกำหนดข้อตกลงการซื้อขาย โดยการซื้อขายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อ รถยนต์ (Purchase Order) จากบริษัทแม่เท่านั้น 4. การจำหน่ายและส่งมอบรถยนต์ของบริษัทฯ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 4.1 เมื่อบริษัท T ประกอบรถยนต์เสร็จเรียบร้อยจะดำเนินการส่งมอบรถยนต์ให้แก่บริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะตรวจรับรถยนต์จากโรงงานประกอบและนำมาเก็บไว้ที่อาคารจอดรถชั่วคราว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร และในวันรุ่งขึ้น บริษัทฯ จะออกใบขนรถ ให้บริษัทขนส่งทำการขนรถจากอาคารชั่วคราวดังกล่าว ไปเก็บไว้ในคลังสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ นอกเขตปลอดอากร เพื่อรอคำสั่งซื้อและจำหน่ายให้แก่บริษัทแม่ต่อไป 4.2 บริษัทแม่จะสั่งซื้อรถยนต์กับบริษัทฯ เมื่อบริษัทแม่ได้รับคำสั่งซื้อรถยนต์จากผู้แทนจำหน่าย โดยบริษัทแม่ จะทำคำสั่งซื้อ (Purchase Order) มายังบริษัทฯ และบริษัทฯ จะดำเนินการส่งมอบรถยนต์ให้บริษัทแม่พร้อมทั้งออกใบกำกับภาษี 5. หากบริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร บริษัทฯ จึง ขอทราบดังต่อไปนี้ 5.1 กรณีบริษัทฯ นำรถยนต์ออกจากเขตปลอดอากรมาเก็บไว้ในคลังสินค้านอกเขตปลอดอากร จะถือว่า บริษัทฯ นำสินค้ารถยนต์ออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อการส่งออกตามมาตรา 77/1(11) แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 โดยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในวันที่นำรถยนต์ออกจากเขต ปลอดอากร ตามมาตรา 77/2(2) และมาตรา 82(2) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ 5.2 กรณีบริษัทฯ ขายรถยนต์ที่เก็บอยู่ในคลังสินค้านอกเขตปลอดอากรให้แก่บริษัทแม่ จะถือเป็นการขายสินค้า ในราชอาณาจักร บริษัทฯ จึงต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายรถยนต์ดังกล่าวในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ 5.3 กรณีบริษัทฯ นำรถยนต์ออกจากเขตปลอดอากรมาเก็บไว้ในคลังสินค้านอกเขตปลอดอากร และยังไม่มี คำสั่งซื้อจากบริษัทแม่ บริษัทฯ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามข้อ 2(5) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40) เรื่อง กำหนดลักษณะ และเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 ถูกต้องหรือไม่ | แนววินิจฉัย | บริษัทฯ มีภาระภาษีดังต่อไปนี้
1. กรณีตาม 5.1 บริษัทฯ ประกอบกิจการอยู่ในเขตปลอดอากรได้นำรถยนต์ออกจากเขตปลอดอากรมาเก็บไว้ในคลังสินค้า ของบริษัทฯ นอกเขตปลอดอากร โดยมิใช่เพื่อการส่งออก บริษัทฯ จึงเป็นผู้นำเข้าสินค้าซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดย ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในวันที่นำรถยนต์นั้นออกจากเขตปลอดอากรโดยมิใช่เพื่อการส่งออก ทั้งนี้ ตาม มาตรา 77/1(11) มาตรา 78/2(2) มาตรา 82 และมาตรา 82/14 แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีตาม 5.2 บริษัทฯ ขายรถยนต์ที่เก็บอยู่ในคลังสินค้านอกเขตปลอดอากรของบริษัทฯ ให้แก่บริษัทแม่ซึ่งอยู่นอกเขต ปลอดอากร ค่าตอบแทนจากการขายรถยนต์ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นค่าตอบแทนที่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงต้องนำค่าตอบแทนที่ได้รับจากการขายรถยนต์มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี มูลค่าเพิ่มและต้องออกใบกำกับภาษีเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ทั้งนี้ ตามมาตรา 79 และมาตรา 80(1) แห่งประมวลรัษฎากร 3. กรณีตาม 5.3 บทบัญญัติตามข้อ 2(5) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)ฯ ลงวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เป็นเรื่องการกำหนดลักษณะ และเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของ ฐานภาษี ตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งบัญญัติไว้เฉพาะกรณีที่ผู้ประกอบการในเขตปลอดอากรได้ขายสินค้า ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน และผู้ประกอบการในเขตปลอดอากรดังกล่าวเป็นผู้นำเข้าสินค้าที่ขายเพื่อส่งมอบให้แก่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ซื้อสินค้าตามมาตรา 77/1(11) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น กรณีบริษัทฯ นำรถยนต์ออกจาก เขตปลอดอากรมาเก็บไว้ในคลังสินค้านอกเขตปลอดอากร และยังไม่มีคำสั่งซื้อจากบริษัทแม่ ย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นค่าตอบแทน ที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษีตามข้อ 2(5) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)ฯ ลงวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2535 แต่อย่างใด |
เลขตู้ | : 72/36844 |