(สำเนาคู่ฉบับ)
ข้อบังคับ
ของ
การฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากร
พ.ศ. 2545
-------------------------
โดยที่กรมสรรพกรเห็นเป็นการสมควรจัดให้มีสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อเป็นการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในระหว่างสมาชิก ภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517 และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ขอส่วนราชการองค์การของรัฐ และรัฐวิสหกิจ พ.ศ. 2517 จึงวางข้อบังคับ ไว้ดังต่อไปนี้
หมวด 1
ข้อความทั่วไป
ข้อ 1 ข้อบังคับนี้ เรียกว่า ข้อบังคับการฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพกร พ.ศ. 2545
ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิก ข้อบังคับของการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรมสรรพากร พ.ศ. 2533 บรรดากฎข้อบังคับหรือระเบียบอื่นใดในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในข้อบังคับหรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งข้อบังคับนี้ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ 4 สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากร ตั้งอยู่เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
ข้อ 5 เครื่องหมายของการฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นรูปลักษณะ มีรูปวงกลมตรงกลางมีพระอุเทนทราธิราชทรงดีดพิณ ยืนอยู่กลางระหว่างพญาฉัททันต์ หมอบถวายช่อดอกไม้และมีชื่อการฌาปนกิจ สงเคราะห์กรมสรรพกรอยู่ล้อมรอบวงกลม
ข้อ 6 ในข้อบังคับนี้
การฌาปนกิจสงเคราะห์ หมายความว่า การฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากร
สมาชิก หมายความว่า สมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากร
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากร
เงินค่าสมัคร หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเนสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์
เงินสงเคราะห์ หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถึงแก่ความตาย รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์
เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์เรียกเก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ เมื่อมีสมาชิกถึงแก่ความตาม
นายทะเบียน หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
ข้อ 7 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะเปิดทำการตามวัน เวลาของทางราชการ
หมวด 2
วัตถุประสงค์
ข้อ 8 การฌาปนกิจสงเคราะห์มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพของสมาชิกและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิก ซึ่งถึงแก่ความตามด้วยเงินสงเคราะห์โดยไม่ประสงค์จะหากำไรแบ่งปันกัน
หมวด 3
สมาชิกภาพและการขาดจากสมาชิกภาพ
ข้อ 9 สมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ ได้แก่ บุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 10 แห่งข้อบังคับนี้
ข้อ 10 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) ต้องเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ลูกจ้างประจำสังกัดกรมสรรพากรและพนักงานของการฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากร
(2) มีความประพฤติดีและยินยอมปฏิบัติตามข้อบังคับของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
(4) ต้องมีอายุไม่เกิน 50 ปี บริบูรณ์
(5) ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกในระหว่างที่รับราชการสังกัดกรมสรรพากร
(6) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(7) ต้องมีร่างกายสมบูรณ์ และมีใบตรวจแพทย์รับรองว่ามีร่างกายสมบูรณ์
ข้อ 11 ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องยื่นในสมัครตามแบบของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต่อคณะกรรมการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายในวันเปิดทำการของการฌาปนกิจสงเคราะห์
ข้อ 12 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องระบุชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งต้องเป็นบุคคลในครอบครัวของตนตามข้อ 24 ไว้ให้ชัดแจ้งในใบสมัคร ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ในภายหลัง สมาชิกต้องแจ้งให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมิชักช้า ในกรณีที่ไม่มีผู้รับเงินสงเคราะห์ การฌาปนกิจสงเคราะห์จะจัดการศพให้เหมาะสมแก่ฐานานุรูปและศาสนาของสมาชิกนั้น
ข้อ 13 คณะกรรมการจะพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตามข้อ 10 เมื่อเห็นเป็นการสมควรให้มีมติเข้าเป็นสมาชิก และแจ้งให้ผู้สมัครทราบเพื่อนำเงินค่าสมัครและเงินสงเคราะห์ล่างหน้ามาชำระ
ข้อ 14 สมาชิกภาพของผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้รัเข้าเป็นสมาชิกและผู้สมัครได้ชำระเงินต่าง ๆ ตามข้อบังคับนี้แล้ว
ข้อ 15 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะออกหนังสือหลักฐานแสดงการเป็นสมาชิกตามแบบที่การฌาปนกิจสงเคราะห์กำหนดให้แก่สมาชิกทุกคน
ข้อ 16 สมาชิกซึ่งย้ายไปรับราชการในสังกัดกระทรวง ทบวง กรม อื่น หรือพ้นจากการเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้าง ถ้าไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิกต่อไป ให้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษร หากไม่แสดงความจำนงดังกล่าวให้ถือว่ายังคงเป็นสมาชิกต่อไป
ข้อ 17 สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ตาย
(2) ลาออกโดยทำเป็นหนังสือถึงคณะกรรมการ
(3) ถูกคัดชื่อออก เพราะขาดเงินสงเคราะห์ และได้รับหนังสือเตือนจากการฌาปนกิจสงเคราะห์แล้วสามครั้งโดยครั้งสุดท้ายได้ทำหนังสือเตือนลงทะเบียนตอบรับซึ่งแต่ละครั้งมีระยะเวลาห่างกัน 30 วัน และการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้นำเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ามาจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์หมดแล้วหรือการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่สามารถติดต่อหาหลักแหล่งที่อยู่ได้และคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้พ้นจากสมาชิกภาพ
(4) กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การฌาปนกิจสงเคราะห์อย่างร้ายแรงและคณะกรรมการมีมติให้ออก
การสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพตามข้อนี้ สมาชิกไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าสมัครและเงินสงเคราะห์ที่ได้ชำระตามข้อบังคับนี้คือจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ เว้นแต่เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าที่ยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตาย
หมวด 4
เงินค่าสมัคร และเงินสงเคราะห์
ข้อ 18 เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์รับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกให้แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นเงิน 50 บาท(ห้าสิบบาทถ้วน)
ข้อ 19 เมื่อสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์คนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาม สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ต้องออกเงินสงเคราะห์รายละ 10 บาท(สิบบาทถ้วน)
ข้อ 20 การชำระเงินค่าสมัคร และเงินสงเคราะห์ให้ชำระต่อเหรัญญิกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ณ สำนักงานของการฌาปนกิจสงเคราะห์หรือสำนักงานของผู้ที่ได้รับมอบหมายในวันเปิดทำการ
ข้อ 21 เงินสงเคราะห์ตามข้อ 19 สมาชิกต้องชำระให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการตายของสมาชิก หรือได้รับแจ้งให้ชำระเงินสงเคราะห์จากากรฌาปนกิจสงเคราะห์
ข้อ 22 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าจากสมาชิกเพื่อสำรองจ่ายเงินสงเคราะห์เป็นจำนวน 10 ราย และเงินจำนวนนี้การฌาปนกิจสงเคราะห์จะคืนให้แก่สมาชิกเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่จ่ายไว้ล่วงหน้า และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้านี้ห้ามการฌาปนกิจสงเคราะห์นำไปใช้จ่ายในกิจการ อื่นใด เว้นแต่จะนำไปใช้สำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ของสมาชิกผู้นั้นเองในเมื่อสมาชิกอื่นถึงแก่ความตาย
ข้อ 23 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ดังต่อไปนี้
(1) จ่ายครั้งแรกตามจำนวนเงินสงเคราะห์ที่เรียกเก็บได้จริงภายใน 15 วันนับแต่วันที่
ยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจเอกสารครบถ้วนถูกต้องแล้ว
(2) จ่ายเงินส่วนที่เหลือจากที่เรียกเก็บได้ตาม (1) ภายใน 90 วันนับแต่วันที่จ่ายเงิน
ครั้งแรกและหากยังมีสมาชิกค้างชำระก็จะทยอยจ่ายให้เมื่อได้รับชำระจากสมาชิก
การจ่ายเงินสงเคราะห์สมาชิก การฌาปนกิจสงเคราะห์จะหักไว้เป็นค่าใช้จ่าย
ของการฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นจำนวนเงินร้อยละ 10 ของเงินสงเคราะห์ที่เรียกเก็บได้
ซึ่งไม่เกินอัตราที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วน
ราชการ องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2517 กำหนดไว้การเปลี่ยนแปลงอัตรา
ค่าใช้จ่ายให้กระทำได้เมื่อรับอนุมัติจากคณะกรรมการและนายทะเบียนให้ความเห็นชอบแล้ว
เพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกในอันที่จะให้ได้รับเงินสงเคราะห์รวดเร็วขึ้นคณะ
กรรมการอาจกำหนดให้มีการจ่ายเงินสงเคราะห์ทั้งจำนวนไปก่อน ทั้งนี้โดยจ่ายจากเงิน
สงเคราะห์ล่วงหน้าที่เรียกเก็บตามข้อ 22
คำร้องขอรับเงินสงเคราะห์ให้ผู้มีสิทธิได้ใช้สิทธิยื่นขอภายใน 1 ปีนับแต่วันที่สมาชิกนั้นถึงแก่ความตาย
ข้อ 24 บุคคลในครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ตามลำดับก่อนหลังโดยผู้อยู่ลำดับหลัง ดังนี้
(1) บุคคลที่สมาชิกแสดงความจำนงไวัในใบสมัคร หรือแจ้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้รับเงินสงเคราะห์ตามข้อ 12 ซึ่งต้องเป็นบุคคลตาม (2)(3)(4) หรือ (5) นี้
(2) สามีหรือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสมาชิก
(3) บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของสมาชิก
(4) บิดามารดาของสมาชิก
(5) ผู้อยู่ในอุปการะ ผู้อุปการะของสมาชิกซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการด้วย ในกรณีที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่สามารถติดต่อตามหลักแหล่งที่อยู่ของผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์ ตามที่สมาชิกได้ระบุชื่อไว้ได้ หรือการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ติดต่อแล้วแต่บุคคลดังกล่าวไม่มาติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ติดต่อ การฌาปนกิจสงเคราะห์อาจติดประกาศไว้ที่สำนักงานอีกครั้งหนึ่ง และหากบุคคลดังกล่าวนั้นไม่มาขอรับเงินภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศการฌาปนกิจสงเคราะห์จะพิจารณาจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่บุคคลตามลำดับถัดไปตามที่ระเบียบนี้กำหนดไว้ และการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่บุคคลในลำดับถัดไปตามระเบียบนี้กำหนดไว้ เช่นว่านี้การฌาปนกิจสงเคราะห์ก็จะถือปฏิบัติตามความที่กล่าวมาข้างต้นเช่นกัน ถ้าไม่มีบุคคลดังกล่าวข้างต้นการฌาปนกิจสงเคราะห์จะจัดการศพสมาชิกที่ถึงแก่ความตายให้ตามประเพณีของสมาชิกผู้นั้น และไม่ถือว่าเงินสงเคราะห์เป็นมรดกของสมาชิกถึงแก่ความตาย ถ้ามีเงินสงเคราะห์ค้างจ่ายอยู่ในการฌาปนกิจสงเคราะห์ การฌาปนกิจสงเคราะหต้องแจ้งเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังผู้รับเงินสงเคราะห์ว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่เจตนาจะยึอถือแทนผู้รับเงินสงเคราะห์ต่อไปหรือการฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต แต่ถ้ามีเหตุใด ๆ ที่ไม่สามารถติดต่อผู้รับเวินสงเคราะห์ได้การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องปิดประกาศไว้ที่สำนักงานหรือลงพิมพ์ โฆษณาในหนังสือพิมพ์แจ้างเปลี่ยนแปลงการยึอถือเงนิสงเคราะห์ค้างจ่ายมาเป็นการยึดถือเพื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์ และเมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ครอบครองเงินสงเคราะห์ค้างจ่ายดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลาห้าปี เงินสงเคราะห์ค้างจ่ายจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์
หมวด 5
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ 25 สมาชิกมีสิทธิดังนี้
(1) มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต่อคณะกรรมการและมิสิทธิเรียกร้องให้คณะกรรมการกระทำหรืองดเว้นการกระทำเพื่อประโยชน์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือป้องกันความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่การฌาปนกิจสงเคราะห์
(2) ขอตรวจสอบบัญชีและเอกสารของการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อทราบการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) ยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียนให้เลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ พร้อมด้วยเหตุผลประกอบคำร้องขอ โดยมีสมาชิกอื่นร่วมด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของสมาชิกทั้งหมด
ข้อ 26 สมาชิกหน้าที่ต้องปฏิบัติดังนี้
(1) ปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับของการฌาปนกิจสงเคราะห์และมติคณะกรรมการ
(2) ต้องชำระเงินสงเคราะห์ให้เรียบร้อย ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งการตายของสมาชิกจากการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) เก็บรักษาหนังสือสำคัญแสดงการเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ไว้ถ้าหายต้องรีบแจ้งเพื่อขอใบแทนใหม่จากการปนกิจสงเคราะห์
(4) การย้ายที่อยู่ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล แก้วัน เดือน ปีเกิดของสมาชิกให้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนของการฌาปนกิจสงเคราะห์ของกรมสรรพากร ภายใน 15 วันนับแต่วันย้าย เปลี่ยน หรือแก้นั้น เพื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์จะได้แก้ไขหลักฐานต่าง ๆ ในทะเบียนให้ถูกต้อง
(5) แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือเมื่อต้องการเปลี่ยนตัวบุคคลตามที่แสดงความจำนงไว้ในใบสมัคร ตามข้อ 12
(6) เมื่อสมาชิกผู้ใดถึงแก่ความตาย ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์หรือครอบครัวของสมาชิกแจ้งให้คณะกรรมการการฌาปนกิจสงเคราะห์ทราบ พร้อมด้วยหลักฐานหนังสือสำคัญแสดงการเป็นสมาชิก ใบเสร็จรับเงินครั้งสุดท้าย ใบมรณบัตร สำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกที่ตาย สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับเงินสงเคราะห์ หรือผู้จัดการศพ
หมวด 6
คณะกรรมการและการดำเนินกิจการ
ข้อ 27 ให้มีคณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์คณะหนึ่ง จำนวนไม่น้อยกว่า 7 คน และไม่เกิน 15 คน ประกอบด้วยอธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งรองประธานกรรมการ เลขานุการเหรัญญิก นายทะเบียนและกรรมการอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร
ให้คณะกรรมการเป็นผู้แทนของการฌาปนกิจสงเคราะห์ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ในการนี้คณะกรรมการจะมอบหมายให้กรรมการคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้
กรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างหรือเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้คณะกรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ หรือเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ซึ่งการฌาปนกิจสงเคราะห์จะวางระเบียบไว้ให้จ่ายตามมติที่ประชุมกำหนด
ข้อ 28 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้และให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) จัดวางระเบียบต่าง ๆ ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
(2) พิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับการเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) พิจารณาจ้างเจ้าหน้าที่ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามความจำเป็น
(4) จัดการในเรื่องอื่น ๆ จะเป็นประโยชน์แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์
การใช้จ่ายเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของข้อบังคับและระเบียบของการฌาปนกิจสงเคราะห์ที่วางไว้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายมิฉะนั้นคณะกรรมการจะต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัว
ข้อ 29 ให้คณะกรรมการประชุมกันเป็นอย่างน้อย 6 เดือนต่อหนึ่งครั้ง ถ้ามีเหตุผลและความจำเป็นอาจประชุมกันมากกว่าที่กำหนดก็ได้ และในการประชุมต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจึงเป็นองค์ประชุม
ข้อ 30 ประธานกรรมการมีอำนาจสั่งการตามมติของที่ประชุมของคณะกรรมการ และบริหารกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ตลอดจนปกครองบังคับบัญชา แต่งตั้ง ถอดถอน เปลี่ยนแปลงกรรมการ และลงโทษ เลื่อนเงินเดือนเจ้าหน้าที่ของการฌาปนกิจสงเคราะห์
ข้อ 31 ให้ประธานกรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทน ถ้าทั้งประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ 32 กรรมการย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดจากสมาชิกภาพ
(4) ประธานกรรมการสั่งให้ออก
(5) พ้นสภาพจากากรเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างของกรมสรรพากร
หมวด 7
การทะเบียน การเงิน และการบัญชี
ข้อ 33 การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนกำหนดและให้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าวไว้ที่สำนักงาน พร้อมทั้งหลักฐานและเอกสารที่ใช้ประกอบการลงทะเบียนด้วย
ข้อ 34 การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปี การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกตามที่เป็นอยู่ในวันสิ้นเดือนนั้น ๆ ให้แก่นายทะเบียนโดยมิชักช้า
ข้อ 35 การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนกำหนดและต้องรักษาเอกสารประกอบบัญชีแสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย
ข้อ 36 เงินทุกประเภทที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ได้รับต้องนำฝากธนาคารที่เป็นของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์อื่นที่เชื่อถือได้ ในนามของการฌาปนกิจสงเคราะห์เหรัญญิกจะเก็บรักษาตัวเงินสดไว้ที่สำนักงานเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 10,000.-บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประธานกรรมการ หรือผู้ที่ได้รับอบหมายมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ไม่เกิน 50,000.-บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) หากเกินกว่าจำนวนที่กล่าวต้องได้รับการอนุมัติจาก คณะกรรมการก่อน เว้นแต่การสั่งจ่ายเงินสงเคราะห์ เงินเดือนพนักงาน การฝากและการถอนเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องกระทำในนามการฌาปนกิจสงเคราะห์ การถอนเงินไม่ว่ากรณีใด ๆ ต้องมีผู้มีอำนาจฯซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการ รองประธาน นายทะเบียน เหรัญญิก ลงนามร่วมกันอย่างน้อย 2 คน จึงจะเบิกถอนเงินได้
ข้อ 37 เงินหรือผลประโยชน์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ได้รับมา หรือมีผู้บริจาคด้วยศรัทธาหรือดอกผลที่ฝากธนาคารต้องตกเป็นของการฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งสิ้น
ข้อ 38 คณะกรรมการต้องแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเป็นกรรมการตรวจสอบการเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ อย่างน้อย 3 คน
ข้อ 39 การจ่ายเงินสงเคราะห์ หากรายใดเกิดปัญหาให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ และให้ถือมติของที่ประชุมเป็นเกณฑ์
ข้อ 40 เมื่อสิ้นปีปฏิทินของทุกปี การฌาปนกิจสงเคราะห์จะต้องทำบัญชีงบดุลตามแบบที่นายทะเบียนกำหนด เสนอต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขออนุมัติภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และต้องแสดงไว้ที่สำนักงานเพื่อให้สมาชิกและผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วย
ข้อ 41 หลักฐานและเอกสารทางทะเบียน ทางการเงิน การบัญชี และบัญชีงบดุล การฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี
หมวด 8
การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ
ข้อ 42 การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้ ให้กระทำโดยมติของที่ประชุมคณะกรรมการและต้องมีคะแนนเสียงในการลงมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดและต้อง ไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2517 เมื่อคณะกรรมการมีมติให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับได้ข้อหนึ่งแล้วประธานกรรมการต้องนำเสนอต่อนายทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติและเมื่อนายทะเบียนให้ความเห็นชอบแล้วจึงจะใช้บังคับได้
หมวด 9
การเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์และการชำระบัญชี
ข้อ 43 ในกรณีที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียนให้เลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณาว่าสมควรเลิกหรือจะมีทางแก้ไขประการใด ถ้าที่ประชุมมีมติไม่ให้เลิกและมีเหตุผล และวิธีการแก้ไขประการใด ให้ทำหนังสืออุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยยื่นต่อนายทะเบียนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
ข้อ 44 เมื่อต้องเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีหน้าที่รับผิดชอบจัดให้มีการชำระบัญชีให้เสร็จโดยเร็ว
ข้อ 45 เมื่อชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินของการฌาปนกิจสงเคราะห์เหลืออยู่เท่าใดให้โอนหรือจำหน่ายไปใช้จ่ายในด้านสวัสดิการของกรมสรรพากรต่อไป
บทเฉพาะกาล
ข้อ 46 บรรดาสมาชิกของสมาคมการฌาปนกิจสงเคราะห์สรรพากร ให้ถือเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์กรมสรรพากรตามข้อบังคับนี้ต่อไป โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครตาม ข้อ 18 แต่ต้องชำระเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าตามข้อ 22 ก่อน
ประกาศ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545
(นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล)
อธิบดีกรมสรรพากร
หมายเหตุ นายทะเบียนให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545