เมนูปิด

เลขที่หนังสือ :   กค 0702/638
วันที่ :   4 กุมภาพันธ์ 2568
เรื่อง :   ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจำหน่ายหนี้สูญ
ข้อกฎหมาย :   มาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4 (2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ก่อนแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ และข้อ 4 (3) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ
ข้อหารือ :   1. บริษัท ก. ได้ว่าจ้างบริษัท ข. ให้เป็นผู้ขนส่งสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากร และใช้บริการเก็บสินค้า ในคลังสินค้าจากบริษัท ค. โดยมีกำหนดชำระค่าขนส่งและค่าบริการเป็นรายเดือน ต่อมาบริษัท ก. ผิดสัญญา ไม่ชำระค่าขนส่งและค่าบริการ บริษัท ข. และบริษัท ค. จึงยื่นฟ้องบริษัท ก. ต่อศาลชั้นต้น จ. ซึ่งได้มีคำพิพากษาให้บริษัท ก. ชำระเงินให้กับบริษัท ข. จำนวน 4 ล้านบาท และชำระให้กับบริษัท ค. จำนวน 2.6 ล้านบาท ต่อมาศาลชั้นต้น จ. ได้ออกหมายบังคับคดีเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบริษัททั้งสองเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา
    2. ในระหว่างการดำเนินการสืบทรัพย์ บริษัท ข. และบริษัท ค. ได้ทราบว่าบริษัท ก. มีทรัพย์สิน ที่ถูกยึดหรืออายัดไว้ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น ฉ. จำนวน 400 ล้านบาท โดยมีธนาคาร ช. เป็นโจทก์ แต่บริษัท ข. และบริษัท ค. ไม่ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลชั้นต้น ฉ. ในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด
    3. ต่อมาธนาคาร ง. ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้มีคำสั่งให้บริษัท ก. ล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดบริษัท ก. และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษา โดยกำหนดให้เจ้าหนี้ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยมีผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ 20 ราย จำนวนมูลหนี้ที่ขอรับชำระหนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท แต่บริษัท ข. และบริษัท ค. ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา ตามกฎหมาย
    4. ต่อมาบริษัท ข. และบริษัท ค. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้มีคำสั่งอนุญาต ให้บริษัท ข. และบริษัท ค. รับชำระหนี้ได้ ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาและมีคำสั่งยกคำร้องของทั้งสองบริษัท บริษัท ข. และบริษัท ค. จึงได้ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์พร้อมอุทธรณ์คำสั่งของศาลล้มละลายกลาง โดยศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้พิจารณาคำอุทธรณ์ของบริษัท ข. แล้วพิพากษายกอุทธรณ์ สำหรับคำร้องของบริษัท ค. ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์
    5. บริษัท ข. และบริษัท ค. ขอหารือ ดังนี้
        5.1 กรณีที่บริษัท ข. และบริษัท ค. ประสงค์จะจำหน่ายหนี้สูญที่มีจำนวนหนี้เกิน 2 ล้านบาท จากบัญชีลูกหนี้ ทั้งสองบริษัทสามารถดำเนินการเพียงข้อใดข้อหนึ่งที่ระบุในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ได้หรือไม่ อย่างไร
        5.2 กรณีที่บริษัท ข. และบริษัท ค. ได้ฟ้องบริษัท ก. ต่อศาลชั้นต้น จ. และศาลมีคำพิพากษา ให้บริษัท ก. ชำระหนี้แล้ว แต่บริษัท ข. และบริษัท ค. ไม่ได้ฟ้องบริษัท ก. ในคดีล้มละลายและไม่ได้ยื่นคำขอ รับชำระหนี้ในคดีล้มละลายที่เจ้าหนี้อื่นฟ้องบริษัท ก. ภายในกำหนดเวลา และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ทั้งสองบริษัทยื่นคำขอ รับชำระหนี้นั้น เนื่องจากจำนวนมูลหนี้ที่เจ้าหนี้อื่นขอรับชำระหนี้ตามคดีล้มละลายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท แต่ทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้มีจำนวน 400 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหนี้อื่นที่ได้ยื่นคำขอ รับชำระหนี้อาจจะได้รับชำระหนี้ไม่เต็มจำนวนเพราะหนี้สินมีมากกว่าทรัพย์สิน บริษัท ข. และบริษัท ค. สามารถนำหลักเกณฑ์ตามข้อ 4 (2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ กล่าวคือ “ได้ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ในคดีแพ่ง... แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดจะชำระหนี้ได้” มาใช้ได้หรือไม่ หรือต้องดำเนินการอย่างไร
        5.3 กรณีที่บริษัท ก. มีทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดไว้ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น ฉ. จำนวน 400 ล้านบาท และมีจำนวนหนี้ที่มีผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย รวมจำนวน 2,000 ล้านบาท อันเป็นกรณีที่บริษัท ก. มีทรัพย์สิน แต่ทรัพย์สินนั้นไม่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วนได้ ถือเป็นกรณีที่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้ตามข้อ 4 (2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ หรือไม่
        5.4 หากศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง ไม่อนุญาตให้บริษัท ข. และบริษัท ค. ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ทั้งสองบริษัทจะสามารถจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ได้หรือไม่ อย่างไร
        5.5 หากบริษัท ข. และบริษัท ค. สามารถจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ได้ตามข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ ทั้งสองบริษัทต้องตัดหนี้สูญในรอบระยะเวลาบัญชีใดบ้าง และต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) เพิ่มเติม ด้วยหรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย:   กรณีที่บริษัท ข. และบริษัท ค. ประสงค์จะจำหน่ายหนี้สูญสำหรับหนี้ที่แต่ละบริษัทได้ฟ้องบริษัท ก. ต่อศาลชั้นต้น จ. และศาลมีคำพิพากษาให้บริษัท ก. ชำระหนี้โดยได้ออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบริษัท ก. ชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว แต่ในระหว่างดำเนินการสืบทรัพย์ของบริษัท ก. ปรากฏ ดังนี้
    1. บริษัท ก. มีทรัพย์สินแต่ได้ถูกยึดหรืออายัดไว้ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น ฉ. ที่ธนาคาร ช. ได้ฟ้องไว้ เป็นจำนวน 400 ล้านบาท กรณีดังกล่าวถือว่า บริษัท ก. ยังมีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้ได้ เมื่อบริษัท ข. และบริษัท ค. ไม่ได้ยื่นคำขอเฉลี่ยหนี้ในคดีดังกล่าว ประกอบกับไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือหลักฐาน การรับทราบของเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีที่ทั้งสองบริษัทได้ฟ้องบริษัท ก. เป็นคดีแพ่งที่แสดงว่า บริษัท ก. ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะชำระหนี้ได้ เช่น รายงานการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี หรือรายงาน การติดตามสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้โดยทนายความที่แสดงว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะชำระหนี้ได้ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4 (2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ก่อนแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ
    2. บริษัท ก. ถูกธนาคาร ง. ฟ้องในคดีล้มละลายและศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่บริษัท ข. และบริษัท ค. ไม่ได้ยื่นคำขอ รับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนดเวลา และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทั้งสองบริษัท ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ทั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายกอุทธรณ์ของบริษัท ข. และมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของบริษัท ค. กรณีนี้ถือว่าทั้งสองบริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามข้อ 4 (3) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 374 (พ.ศ. 2564)ฯ จึงยังไม่มีสิทธิจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร

 

ปรับปรุงล่าสุด: 07-03-2025