คู่มือการปฏิบัติงาน
เรื่อง การจัดทำรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
วัตถุประสงค์
คู่มือการปฏิบัติงาน เรื่อง การจัดทำรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี ที่กำหนดขึ้นนี้ เพื่อให้ผู้สอบบัญชีภาษีอากรใช้เป็นแนวทางประกอบการปฏิบัติงานตรวจสอบและรับรองบัญชีห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 122/2545 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานและการรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีของผู้สอบบัญชีภาษีอากร ตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.147/2548 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติงาน และการรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีของผู้สอบบัญชีภาษีอากร ตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2548
การรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
การรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีสำหรับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก แตกต่างจากรายงานการสอบบัญชีสำหรับบริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดใหญ่ที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแสดงความเห็นต่องบการเงินว่าถูกต้องตามควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือไม่ แต่การรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีสำหรับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็กจะเป็นการรายงานถึงสิ่งที่ตรวจพบจากการตรวจสอบ และรายงานในแบบรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ซึ่งแบบรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีดังกล่าวไม่สามารถแก้ไข ดัดแปลง หรือตัดข้อความใด ๆ ได้ กรณีมีรายละเอียดมากให้ใช้ใบแนบเพิ่มเติมได้
การจัดทำรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
การรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีสำหรับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดเล็ก เป็นการรายงานข้อเท็จจริงที่พบจากการตรวจสอบงบการเงินของห้างฯ ตามแนวทางและวิธีการตรวจสอบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ซึ่งผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่ตรวจพบโดยแบ่งเป็น 5 ข้อ ดังนี้
1. การรายงานในข้อ 1
1. งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ..........และผลการดำเนินงานสำหรับ ปีสิ้นสุดวันเดียวกันของห้างหุ้นส่วน...........ตรงตามสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี (อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี)..........
การรายงานว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานตรงตามสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี หมายถึง ผู้สอบบัญชีภาษีอากรได้ทำการทดสอบรายการทางบัญชีกับสมุดบัญชีแยกประเภท และเอกสารประกอบการลงบัญชี แล้วพบว่ามีรายละเอียดตรงกัน ซึ่งในข้อนี้ยังไม่พิจารณาถึงคุณภาพของเอกสารว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่จริง แต่จะมีการพิจารณาถึงคุณภาพของเอกสารในการรายงานในข้อ 3
ในกรณีที่ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าตัวเลขที่ปรากฏในงบการเงินไม่ตรงตามสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องแจ้งให้ห้างฯ ทำการปรับปรุง ถ้าห้างฯ ไม่ปรับปรุงและผู้สอบบัญชีภาษีอากรเห็นว่ามีสาระสำคัญก็ต้องนำมารายงานเป็นข้อยกเว้น
คำอธิบายข้อยกเว้น
การรายงานข้อยกเว้น ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องรายงานข้อเท็จจริงโดยระบุถึงรายการใด ที่ไม่ตรงตามสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี เป็นจำนวนเงินเท่าใด และมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด
2. การรายงานในข้อ 2
2. งบการเงินได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น (อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี)........
การรายงานว่า งบการเงินได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมาย หมายถึง งบการเงินต้องปฏิบัติตาม
1. แม่บทการบัญชี
2. มาตรฐานการบัญชี
3. แนวปฏิบัติหรือวิธีปฏิบัติทางบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
ในกรณีที่ทำการตรวจสอบแล้วพบว่างบการเงินไม่ได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมาย ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องแจ้งให้ห้างฯ ทำการปรับปรุง ถ้าห้างฯ ไม่ปรับปรุงและผู้สอบบัญชีภาษีอากรเห็นว่ามีสาระสำคัญ ก็ต้องนำมารายงานเป็นข้อยกเว้น
คำอธิบายข้อยกเว้น
การรายงานข้อยกเว้น ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องรายงานข้อเท็จจริงถึงรายการที่ไม่ปฏิบัติตามหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมายว่าผิดหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไป หรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมายอย่างไร
3. การรายงานในข้อ 3
3. เอกสารประกอบการลงบัญชี เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เกิดขึ้นจริงถูกต้อง เชื่อถือได้ และเกี่ยวข้องกับกิจการ (อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ...........
การรายงานว่าเอกสารประกอบการลงบัญชีเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เกิดขึ้นจริง ถูกต้อง เชื่อถือได้ และเกี่ยวข้องกับกิจการ หมายถึง เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่มีการทำธุรกรรมทางการค้า เกิดขึ้นจริง และเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกิจการจริง ซึ่งในข้อนี้จะเป็นการพิจารณาถึงคุณภาพของเอกสารว่าเป็นเอกสารจริง
ในกรณีที่ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า เอกสารประกอบการลงบัญชีน่าจะไม่จริงให้สันนิษฐานหรือถือว่ารายการไม่ได้เกิดขึ้นจริง และกรณีที่พบว่ารายการนั้นไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องแจ้งให้ห้างฯ ทำการปรับปรุง ถ้าห้างฯ ไม่ปรับปรุงและผู้สอบบัญชีภาษีอากรเห็นว่ามีสาระสำคัญก็ต้องนำมารายงานเป็นข้อยกเว้น
คำอธิบายข้อยกเว้น
การรายงานข้อยกเว้น ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องรายงานข้อเท็จจริงถึงรายการที่พบว่าเป็นรายการใด จำนวนเงินเท่าใด และมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิหรือไม่ เป็นจำนวนเงินเท่าใด
4. การรายงานในข้อ 4
4. กิจการได้ปรับปรุงกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางบัญชี ให้เป็นกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิ เพื่อเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร (อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี)....
การรายงานว่า กิจการได้ปรับปรุงกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางบัญชี ให้เป็นกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิ เพื่อเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร หมายถึง กิจการได้ทำการปรับปรุงกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางบัญชีเป็นกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางภาษีตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลรัษฎากรกำหนด
ในกรณีที่ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า
1. รายการที่ได้รายงานเป็นข้อยกเว้นไว้ในรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีข้อ 1-3 มีผลกระทบต่อการคำนวณกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร
2. รายการที่กิจการมิได้ปรับปรุงกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางบัญชีให้เป็นกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร
3. ข้อผิดพลาดที่ตรวจพบจากการทดสอบรายการในแบบแจ้งข้อความของกรรมการ หรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้จัดการ ตามแบบ ภ.ง.ด.50
ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องแจ้งให้ห้างฯ ทำการปรับปรุงรายการที่ตรวจพบดังกล่าวข้างต้นถ้าห้างฯ ไม่ปรับปรุงและ ผู้สอบบัญชีภาษีอากรเห็นว่ามีสาระสำคัญต้องนำมารายงานเป็นข้อยกเว้น
คำอธิบายข้อยกเว้น
การรายงานข้อยกเว้น ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องรายงานข้อเท็จจริงถึงรายการที่พบว่าเป็นรายการใด จำนวนเงินเท่าใด และมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิหรือไม่ เป็นจำนวนเงินเท่าไร สำหรับกรณีข้อยกเว้นในข้อ 1-3 ที่มีผลกระทบต่อการคำนวณกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิ ซึ่งต้องนำมารายงานในข้อนี้ด้วย สามารถอธิบายเป็นการสรุปหรืออธิบายโดยละเอียดก็ได้
กรณีรายการที่ตรวจพบแล้วไม่สามารถคำนวณเป็นจำนวนเงินได้ให้รายงานเป็นข้อยกเว้นในข้อ 5
5. การรายงานในข้อ 5
5. อื่น ๆ ......
สิ่งที่ตรวจพบ ที่จะนำมารายงานในข้อ 5 เช่นกรณีดังต่อไปนี้
1. ขอบเขตถูกจำกัด หมายถึง การที่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรไม่อาจทำการตรวจสอบตามแนวทางการตรวจสอบที่กำหนด ซึ่งอาจเกิดจากการที่ห้างฯ ไม่ยินยอมให้ทำการตรวจสอบ หรือ ไม่ให้ความร่วมมือในการจัดหาเอกสารหลักฐาน หรือโดยสถานการณ์ทำให้ไม่อาจตรวจสอบได้ เช่น เอกสารหลักฐานประกอบการบันทึกบัญชีเสียหายเนื่องจากภัยธรรมชาติ หรือเอกสารหลักฐานไม่เพียงพอสำหรับการตรวจสอบ เป็นต้น และผู้สอบบัญชีภาษีอากรไม่อาจใช้วิธีการตรวจสอบอื่นทดแทนได้ ซึ่งในกรณีนี้ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรจำกัดขอบเขตการตรวจสอบของตนเอง
กรณีที่ถูกจำกัดขอบเขต จะต้องมีเอกสารหลักฐานซึ่งสามารถพิสูจน์ยืนยันได้ว่าถูกจำกัดขอบเขตจริงเก็บไว้เป็นหลักฐานการตรวจสอบด้วย สำหรับกรณีที่ไม่อาจใช้วิธีการตรวจสอบอื่นทดแทนได้ ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องแสดงวิธีการตรวจสอบอื่นให้เห็นไว้ในกระดาษทำการ
2. พฤติการณ์ หมายถึง การที่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรตรวจสอบแล้วพบว่าห้างฯ มีพฤติการณ์ในการทำเอกสารประกอบการลงบัญชีหรือบันทึกบัญชี โดยที่เห็นว่าน่าจะไม่ตรงกับความเป็นจริงอันอาจเป็นเหตุให้ห้างฯ นั้นมิต้องเสียภาษีหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่ควรเสีย ซึ่งในกรณีนี้ถึงแม้ห้างฯ จะทำการปรับปรุงตามที่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรแจ้งแล้ว ก็ต้องนำมารายงานในข้อ 5 นี้ด้วย
3. กิจการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ไม่ถูกต้อง เช่น ความถูกต้องครบถ้วนของใบกำกับภาษีที่กิจการออก การจัดทำบัญชีพิเศษ และการจัดทำรายงานภาษีต่าง ๆ
4. กรณีที่มีผลกระทบต่อความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลในงบการเงินและการเสียภาษีอากร ซึ่งไม่ถือเป็นข้อยกเว้นในข้อ 1- 4 ของรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
คำอธิบายรายงาน
การรายงานในกรณีขอบเขตถูกจำกัด ควรระบุถึงรายการที่ตรวจสอบไม่ได้ จำนวนเงินที่เกี่ยวข้อง สาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบให้ได้ข้อสรุปได้ สำหรับกรณีของพฤติการณ์ ให้ระบุถึงรายละเอียดของข้อเท็จจริงนั้นๆ
แนวทางการพิจารณาความมีสาระสำคัญในการรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
ในขั้นวางแผน การพิจารณาความมีสาระสำคัญผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักในการตรวจสอบและรับรองบัญชีที่กำหนดให้ตรวจสอบว่าห้างฯ เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น ในการตรวจสอบรายการบัญชีรายการใดก็ตามที่อาจทำให้ห้างฯ เสียภาษีผิดอย่างมีสาระสำคัญ ผู้สอบบัญชีภาษีอากรก็ต้องพิจารณาว่ารายการบัญชีนั้นมีสาระสำคัญ โดยจะต้องพิจารณาความมีสาระสำคัญทั้งทางด้านจำนวนเงิน(เชิงปริมาณ)และ ลักษณะ (เชิงคุณภาพ) ซึ่งในทางปฏิบัติผู้สอบบัญชีภาษีอากรควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตนทำการตรวจสอบเพื่อที่จะระบุได้ว่ารายการบัญชีใดที่อาจทำให้ห้างฯ เสียภาษีผิดอย่างมีสาระสำคัญและวางแผนเพื่อทดสอบรายการบัญชีดังกล่าวเป็นอย่างน้อย
ในขั้นรายงาน การพิจารณาความมีสาระสำคัญ ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ตรวจพบนั้นมีสาระสำคัญที่ต้องนำมารายงานเป็นข้อยกเว้นไว้ในรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีหรือไม่ โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. กรณีตรวจสอบแล้วพบข้อผิดพลาด และรายการที่พบดังกล่าวมีลักษณะเป็นพฤติการณ์ ดังนั้นไม่ว่าห้างฯ จะทำการปรับปรุงหรือไม่ ก็ต้องรายงานพฤติการณ์ดังกล่าวไว้ในรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
2. กรณีตรวจสอบแล้วพบข้อผิดพลาด แต่รายการที่พบดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นพฤติการณ์ และห้างฯ ไม่ทำการปรับปรุง พิจารณาได้ ดังนี้
2.1 กรณีข้อผิดพลาดที่พบเป็นรายการที่อยู่ในบัญชีที่มีสาระสำคัญ อาจพิจารณาว่าเป็นไปได้ที่จะมีข้อผิดพลาดเช่นนี้อีก ก็น่าจะสรุปว่าสำคัญ เว้นเสียแต่ว่าได้ตรวจสอบรายการในบัญชีดังกล่าวทั้งหมดหรือส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้การพิจารณาสาระสำคัญจะพิจารณาจำนวนเงินที่พบผิดว่าจะทำให้เสียภาษีผิดไปอย่างมีสาระสำคัญหรือไม่
2.2 กรณีข้อผิดพลาดที่พบเป็นรายการที่อยู่ในบัญชีที่ไม่มีสาระสำคัญ(จำนวนเงินน้อย) อาจพิจารณาว่าไม่สำคัญก็ได้ เนื่องจากบัญชีดังกล่าวไม่อาจทำให้ห้างฯ เสียภาษีผิดอย่างมีสาระสำคัญ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากในการตรวจสอบและรับรองบัญชีต้องทดสอบความถูกต้องตามหลักการบัญชีด้วย ดังนั้นในกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่ารายการบัญชีใดที่ทำให้งบการเงินอาจผิดหลักบัญชีอย่างมีสาระสำคัญแต่ไม่กระทบต่อการเสียภาษีของห้างฯ ผู้สอบบัญชีภาษีอากรก็ต้องรายงานเป็นข้อยกเว้นไว้ในรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีด้วย
......................................................
ภาคผนวก
ตัวอย่างการอธิบายข้อยกเว้นในรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
ตัวอย่างการอธิบายข้อยกเว้นในข้อ 1
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
1. งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. ตรงตามสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ ได้แสดงบัญชีเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ จำนวน 1,500,000.-บาท และแสดงดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมฯ จำนวน 90,000.-บาท เป็นค่าใช้จ่าย โดยไม่มีเอกสารหลักฐานใดที่แสดงถึงการกู้ยืมและการจ่ายดอกเบี้ยดังกล่าว และข้าพเจ้าไม่สามารถใช้วิธีการตรวจสอบอื่นให้เป็นที่พอใจในความถูกต้องของเจ้าหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยจ่ายดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าห้างฯ ทำการปรับปรุงจะมีผลให้กำไรสุทธิของห้างฯ เพิ่มขึ้น จำนวน 90,000.-บาท
ตัวอย่างการอธิบายข้อยกเว้นในข้อ 2
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
2. งบการเงินได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ มีบัญชีลูกหนี้การค้าจำนวน 1,265,000.-บาท แต่มิได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ เป็นการปฏิบัติที่ผิดมาตรฐานการบัญชี
ตัวอย่างการอธิบายข้อยกเว้นในข้อ 3
กรณีเอกสารประกอบการลงบัญชีไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
3. เอกสารประกอบการลงบัญชี เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เกิดขึ้นจริงถูกต้อง เชื่อถือได้ และเกี่ยวข้องกับกิจการ
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ นำรายจ่ายค่าซ่อมแซมจำนวน 150,200.- บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายในการซ่อมแซมบ้านของหุ้นส่วนอันเป็นรายจ่ายส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ถ้าห้างฯ ทำการปรับปรุงจะมีผลให้กำไรสุทธิของห้างฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 150,200.- บาท
กรณีเอกสารประกอบการลงบัญชีไม่ได้เกิดขึ้นจริง
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
3. เอกสารประกอบการลงบัญชี เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เกิดขึ้นจริงถูกต้อง เชื่อถือได้ และเกี่ยวข้องกับกิจการ
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) จากการส่งหนังสือขอยืนยันใบกำกับภาษีซื้อพบว่า ใบกำกับภาษีซื้อซึ่งออกโดย บริษัท ข. จำกัด เล่มที่ 1 เลขที่ 501 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2547 มูลค่าสินค้าจำนวน 30,000 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 2,100 บาท ได้รับการปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีดังกล่าว ซึ่งถ้าห้างฯ ทำการปรับปรุง จะมีผลให้ภาษีซื้อในเดือนมีนาคม 2547 ลดลงจำนวน 2,100 บาท และกำไรสุทธิของห้างฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 30,000.- บาท
ตัวอย่างการอธิบายข้อยกเว้นในข้อ 4
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
4. กิจการได้ปรับปรุงกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางบัญชี ให้เป็นกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิ เพื่อเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ มีบัญชีลูกหนี้เงินให้กู้ยืมแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำนวน 850,000.- บาท โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมดังกล่าว แต่ตามประมวลรัษฎากรห้างฯ จะต้องคิดดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืมฯ เป็นเงิน 36,125.- บาท มีผลให้ห้างฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จำนวน 36,125.- บาท
ตัวอย่างการอธิบายรายงานในข้อ 5
กรณีขอบเขตถูกจำกัด
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
5 อื่น ๆ ข้าพเจ้าไม่อาจตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีได้เนื่องจากเอกสารหลักฐานดังกล่าวของห้างฯ ถูกไฟไหม้เสียหายหมด ซึ่งห้างฯ มีหลักฐานการแจ้งความถึงการเสียหายดังกล่าวมาแสดง และข้าพเจ้าไม่อาจใช้วิธีการตรวจสอบอื่นให้เป็นที่พอใจในความถูกต้องงบการเงินดังกล่าวได้
กรณีเป็นพฤติการณ์
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
5 อื่น ๆ จากการส่งหนังสือขอยืนยันใบกำกับภาษีซื้อพบว่าใบกำกับภาษีซื้อซึ่งออกโดยบริษัท ค. จำกัด เล่มที่ 10 เลขที่ 1625 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2547 มูลค่าสินค้าจำนวน 25,000.-บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 1,750.- บาท ได้รับการปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีดังกล่าว และห้างฯ ได้ทำการปรับปรุงให้ถูกต้องแล้ว
ตัวอย่างการเขียนรายงาน
รายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชี
เสนอ ผู้เป็นหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.
ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 และงบกำไรขาดทุนสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของห้างหุ้นส่วน จำกัด ก. ซึ่งผู้บริหารของกิจการเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลใน งบการเงินเหล่านี้ ส่วนข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบในการรายงานต่องบการเงินดังกล่าวจากผลการตรวจสอบของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานตรวจสอบตามแนวทางและวิธีการตรวจสอบที่กรมสรรพากรกำหนด โดยได้ใช้วิธีทดสอบและวิธีการตรวจสอบอื่นที่เหมาะสม การตรวจสอบดังกล่าวได้รวมถึงการทดสอบรายการในแบบแจ้งข้อความของผู้เป็นหุ้นส่วนด้วย
จากการตรวจสอบดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่า
1. งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของห้างหุ้นส่วน จำกัด ก. ตรงตามสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ ได้แสดงบัญชีเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ จำนวน 1,500,000.-บาท และแสดงดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมฯ จำนวน 90,000.-บาท เป็นค่าใช้จ่าย โดยไม่มีเอกสารหลักฐานใดที่แสดงถึงการกู้ยืมและการจ่ายดอกเบี้ยดังกล่าว และข้าพเจ้าไม่สามารถใช้วิธีการตรวจสอบอื่นให้เป็นที่พอใจในความถูกต้องของเจ้าหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยจ่ายดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าห้างฯ ทำการปรับปรุงจะมีผลให้กำไรสุทธิของห้างฯ เพิ่มขึ้น จำนวน 90,000.-บาท
2. งบการเงินได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ มีบัญชีลูกหนี้การค้าจำนวน 1,265,000.-บาท แต่มิได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ เป็นการปฏิบัติที่ผิดมาตรฐานการบัญชี
3. เอกสารประกอบการลงบัญชี เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เกิดขึ้นจริงถูกต้อง เชื่อถือได้ และเกี่ยวข้องกับกิจการ
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) ห้างฯ นำรายจ่ายค่าซ่อมแซมจำนวน 150,200.- บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายในการซ่อมแซมบ้านของหุ้นส่วนอันเป็นรายจ่ายส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ถ้าห้างฯ ทำการปรับปรุงจะมีผลให้กำไรสุทธิของห้างฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 150,200.- บาท
4. กิจการได้ปรับปรุงกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิทางบัญชี ให้เป็นกำไรสุทธิ/ขาดทุนสุทธิ เพื่อเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
(อธิบายข้อยกเว้นที่สำคัญ ถ้ามี) กรณีข้อยกเว้นในข้อ 1 มีผลให้กำไรสุทธิต่ำไป จำนวน 90,000 บาท
กรณีข้อยกเว้นในข้อ 3 มีผลให้กำไรสุทธิต่ำไป จำนวน 150,200 บาท
จากข้อยกเว้นดังกล่าว ทำให้กำไรสุทธิทางภาษีของห้าง ฯ ต่ำไปจำนวน 240,200 บาท
5. อื่น ๆ ไม่มี
ลายมือชื่อ
( นายทีเอ ตรวจสอบ )
□ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต □ ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
เลขทะเบียน TA999999
เลขประจำตัวประชาชน 3100000000009
ที่ตั้งสำนักงาน 111/111 ถ.พหลโยธิน เขตสามเสนใน กทม.10400
วันที่ 10 เมษายน 2548