เมนูปิด

เลขที่หนังสือ: กค 0702/3297
วันที่: 16 มิถุนายน 2551
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีส่งพนักงานเข้ารับการศึกษา
ข้อกฎหมาย: มาตรา 65 ตรี (13) พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548
ข้อหารือ          บริษัท อ. ประกอบกิจการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง มีความประสงค์จะส่งพนักงานไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ทางด้านการตลาด และระดับปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยภายในประเทศ ซึ่งตรงกับสายงานที่ พนักงานทำอยู่ โดยจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการทำงานสำหรับบริษัทฯ ในอนาคต บริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ การศึกษาประกอบด้วย ค่าเล่าเรียน ค่าบำรุงปกติ ค่าบำรุงพิเศษ และค่าบริการอื่น จึงขอทราบว่า
          1. บริษัทฯ มีสิทธินำค่าใช้จ่ายดังกล่าว มาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจำนวน 2 เท่าของค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ หากใบเสร็จรับเงินออกในนามของพนักงาน และค่าใช้จ่ายดังกล่าวถือเป็น ประโยชน์เพิ่มของพนักงานหรือไม่
          2. ตาม 1. หากพนักงานลาออกก่อนจบการศึกษาและบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลแล้ว บริษัทฯ จะต้องปฏิบัติอย่างไร
          3. บริษัทฯ ต้องทำสัญญากับพนักงานหรือไม่ หากต้องทำสัญญา บริษัทฯ ต้องกำหนดเงื่อนไขอย่างไร เมื่อ ทำสัญญาแล้ว หากพนักงานไม่สามารถอยู่ปฏิบัติงานได้ครบตามสัญญา บริษัทฯ จะต้องรับผิดหรือไม่ ค่าใช้จ่าย ทั้งหมดที่บริษัทฯ ได้จ่ายไป จะนำกลับมาเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานหรือไม่
แนววินิจฉัย          1. กรณีตาม 1. บริษัทฯ ส่งพนักงานไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในมหาวิทยาลัยภายใน ประเทศ หากค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่การดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทฯ มีสิทธินำมาเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนกรณีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนร้อยละร้อย ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้ารับการศึกษาหรือ ฝึกอบรม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีสิทธิหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวน 2 เท่าของค่าใช้จ่าย นั้น ต้องเป็นการส่งลูกจ้าง เข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษา ที่ทางราชการของประเทศไทยจัดตั้งขึ้น หรือสถานศึกษาตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชนสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนหรือสถานฝึกอบรม ฝีมือแรงงานเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตาม กฎหมายเฉพาะ และการให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นการศึกษา หรือฝึกอบรมในประเทศไทย เพื่อพัฒนา คุณภาพ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548 ประกอบกับข้อ 3 และข้อ 4 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลข้า ศึกษาหรือฝึกอบรม ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 กรณีใบเสร็จรับเงินที่สถาบันการศึกษาระบุชื่อพนักงาน หากบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้จ่ายไปเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ย่อมถือเป็น รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร และ ไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานผู้เข้ารับการศึกษาดังกล่าว
          2. กรณีตาม 2. และ 3. การทำสัญญาการกำหนดเงื่อนไขระหว่างบริษัทฯ กับพนักงาน นั้น บริษัทฯ เป็น ผู้พิจารณากำหนดโดยคำนึงถึงประโยชน์ของกิจการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้พนักงานกลับ เข้าทำงานให้แก่บริษัทฯ หลังจากสำเร็จการศึกษาหรือผ่านการฝึกอบรมแล้ว ตามข้อ 9 ของประกาศกระทรวง การคลังฯ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2548 ดังนั้น หากพนักงานไม่สามารถอยู่ปฏิบัติงานได้ครบตามสัญญา หรือลาออกก่อนจบการศึกษา บริษัทฯ จะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ของบริษัทฯ เป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548 ประกอบกับ ประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงการใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายสองเท่าดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่บริษัทฯ ได้จ่ายไป ไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานผู้เข้ารับการศึกษา
เลขตู้: 71/35938

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020