เมนูปิด
เลขที่หนังสือ: กค 0702/พ.7951
วันที่: 5 กันยายน 2556
เรื่อง: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 80/1(2) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ           บริษัทฯ ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการสนับสนุนการค้า การลงทุนเพื่อการส่งออก โดยบริษัทฯ มีลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ลูกค้าในประเทศไทย คือ บริษัท ก. ลูกค้าในต่างประเทศ คือ บริษัท A (บริษัทแม่) และบริษัท B ลูกค้าทั้ง 3 ราย (ผู้ว่าจ้าง) ได้ว่าจ้างให้บริษัทฯ ดำเนินการสรรหาทั้งผู้ซื้อและผู้ขายดังนี้
          1. ผู้ว่าจ้างได้ว่าจ้างให้บริษัทฯ หาผู้ซื้อและติดต่อประสานงานเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์
               ผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์ ได้ว่าจ้างให้บริษัทฯ หาผู้ซื้อแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์ และทำหน้าที่ประสานกับผู้ซื้อและผู้ผลิตรถยนต์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์ตามความต้องการของผู้ซื้อ แล้วสรุปผลส่งให้ผู้ว่าจ้างในรูปแบบรายงานและแบบแปลนที่อนุมัติโดยผู้ผลิตรถยนต์หรือผู้ซื้อ ซึ่งผู้ว่าจ้างเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะขายแบบผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ซื้อหรือไม่
          2. ผู้ว่าจ้างได้ว่าจ้างบริษัทฯ ให้ติดต่อประสานงาน หาผู้ขายสินค้า
               ผู้ว่าจ้างได้ว่าจ้างบริษัทฯ ให้ทำหน้าที่หาผู้ขายสินค้า เช่น วัตถุดิบ เครื่องจักร หรือแม่พิมพ์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่าที่ซื้อจากบริษัทในประเทศญี่ปุ่น โดยจะสรุปผลและส่งมอบข้อมูลให้แก่ผู้ว่าจ้างในรูปแบบรายงาน และไม่รับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ของผู้ขาย
          การปฏิบัติตามข้อ 1 และ ข้อ 2 ดังกล่าวบริษัทฯ ได้ส่งพนักงานเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเก็บข้อมูลเบื้องต้น ทำงานตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างและหาผู้ซื้อ ผู้ขายให้แก่ผู้ว่าจ้าง บริษัทฯ นำข้อมูลที่ได้มาทำการรวบรวม คัดกรอง คัดสรร และสรุปผลในที่ประชุมของผู้บริหารระดับสูงในประเทศ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงทั้งหมด แล้วส่งผลสรุปการหาผู้ซื้อและผู้ขายไปให้ผู้ว่าจ้างต่อไป โดยบริษัทฯ จะไม่รับรองผู้ซื้อ ผู้ขาย และไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ในการชี้ช่องให้ผู้ว่าจ้างทำสัญญากับผู้ผลิตสินค้า ผู้ซื้อหรือผู้ขายในประเทศไทย หรือเข้ามาทำสัญญาในประเทศไทย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจคัดเลือกผู้ซื้อ ผู้ขายของผู้ว่าจ้าง แต่อย่างใด
          บริษัทฯ ขอหารือว่า กรณีบริษัทฯ รับจ้างหาผู้ซื้อและผู้ขายทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศให้แก่ผู้ว่าจ้างในต่างประเทศ โดยส่งพนักงานไปต่างประเทศเพื่อเก็บข้อมูลเบื้องต้น แล้วนำข้อมูลมาสรุปผลในที่ประชุมในประเทศไทยและส่งผลไปให้ผู้ว่าจ้างในต่างประทศ และไม่มีผลต่อเนื่องหลังจากส่งรายงานไปแล้ว เมื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ว่าจ้างในต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราใด และกรณีบริษัทฯ ได้รับรองปริมาณและคุณภาพของผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจของผู้ว่าจ้างในต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราใด
แนววินิจฉัย           กรณีบริษัทฯ ให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ได้หาผู้ซื้อแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์ และทำหน้าที่ประสานกับผู้ซื้อและผู้ผลิตรถยนต์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแบบผลิตภัณฑ์รถยนต์ตามความต้องการของผู้ซื้อ รวมทั้งการหาผู้ขาย ผู้ผลิตสินค้า เช่น วัตถุดิบ เครื่องจักร หรือแม่พิมพ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการหาผู้ซื้อ ผู้ขายดังกล่าว บริษัทฯ ได้ส่งพนักงานไปต่างประเทศเพื่อเก็บข้อมูลเบื้องต้น นำข้อมูลที่ได้มาทำการรวบรวม คัดกรอง คัดสรร และสรุปผลในที่ประชุมของผู้บริหารในประเทศ แล้วส่งผลสรุปในรูปแบบรายงานและแบบแปลนให้แก่ผู้ว่าจ้างในการตัดสินใจ โดยบริษัทฯ อาจมีการรับรองปริมาณและคุณภาพผลิตภัณฑ์ของผู้ซื้อและผู้ขาย แต่บริษัทฯ ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ในการชี้ช่องให้ ผู้ว่าจ้างทำสัญญากับผู้ผลิตสินค้า ผู้ซื้อหรือผู้ขายในประเทศไทย หรือเข้ามาทำสัญญาในประเทศไทย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจคัดเลือกผู้ซื้อ ผู้ขายของผู้ว่าจ้าง แต่อย่างใด กรณีดังกล่าว ถือว่าเป็นการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักร และได้มีการใช้บริการในต่างประเทศ แม้ว่าผู้ว่าจ้างในต่างประเทศอาจพิจารณาตัดสินใจเลือก ผู้ซื้อหรือผู้ขายในประเทศไทยในภายหลังก็ตาม หากบริษัทฯ มีหลักฐานแสดงการชำระราคาค่าบริการตามใบแจ้งหนี้ในนามบริษัทฯ ย่อมได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ ข้อ 2(1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 105) เรื่อง กำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขกรณีการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ตามมาตรา 80/1(2) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543
เลขตู้: 76/38738

 

ปรับปรุงล่าสุด: 22-05-2020