คำพิพากษาฎีกาที่15/2542 | |
บริษัท ไทยดวงทิพย์ จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร กับพวก | จำเลย |
เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคล | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ป.รัษฎากร (มาตรา 65) | |
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของโจทก์ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2530 ตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ ต.6/1016/2100190 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 436,450.58 บาท เบี้ยปรับเรียกเก็บร้อยละ 50 เป็นเงิน 218,225.29 บาท และเงินเพิ่ม 386,258.70 บาท รวมเป็นเงิน 1,040,934.63 บาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2531 ตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ ต.6/1016/2100196 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 2,757,173.26 บาท เบี้ยปรับเรียกเก็บร้อยละ 50 เป็นเงิน 1,378,586.63 บาท เงินเพิ่ม 1,943,807.15 บาท รวมเป็นเงิน 6,079,567.04 บาท โดยเจ้าพนักงานประเมินอ้างว่าโจทก์ลงรายได้ไว้ต่ำไป มีรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี(18)(9)(6)(5)(4)(3) และต้นทุนของสินค้าที่ขายเกินบัญชี เหตุแห่งการประเมินดังกล่าวเกิดจากการที่เจ้าพนักงานประเมินคำนวณสินค้าคงเหลือของโจทก์ใหม่แล้วสรุปว่าโจทก์แสดงรายได้ไว้ต่ำไปเท่ากับผลการตรวจที่คำนวณได้ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ถูกต้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จำเลยดังกล่าวพิจารณาแล้วสำหรับรอบระยะบัญชีปี 2530 วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์เจ้าพนักงานประเมินได้ลดเบี้ยปรับให้คงเรียกเก็บร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายเป็นการสมควรแล้ว ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ 202/2540/สภ.1(กม.4) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2540 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2531 วินิจฉัยให้ลดภาษีที่เรียกเก็บลงเป็นเงินภาษี 37,665.83 บาท เบี้ยปรับ 18,832.91 บาท และเงินเพิ่ม 1,917,252.41 บาท รวมเป็นเงิน 5,996,513.89 บาท เจ้าพนักงานประเมินได้ลดเบี้ยปรับให้คงเรียกเก็บร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายเป็นการสมควรแล้ว ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ 204/2540/สภ.1(กม.4) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2540 เจ้าพนักงานประเมินคำนวณสินค้าคงเหลือของโจทก์ใหม่โดยวิธีนำสินค้าคงเหลือต้นงวดยกมาจากรอบระยะเวลาบัญชีก่อน บวกสินค้าที่โจทก์ซื้อมาในรอบระยะเวลาบัญชีลบสินค้าคงเหลือปลายงวดตามที่โจทก์แสดงไว้ในบัญชีคุมสินค้า ผลที่คำนวณได้นำไปหักออกจากจำนวนสินค้าที่โจทก์แสดงรายได้ไว้จากการขาย ส่วนต่างที่เกิดขึ้นนำมาคูณด้วยราคาเฉลี่ยของสินค้าแต่ละชนิด แล้วสรุปว่าโจทก์แสดงรายได้ไว้ต่ำไปเท่ากับผลที่คำนวณได้โดยวิธีดังกล่าว เจ้าพนักงานประเมินมิได้ตรวจสอบโดยตรวจนับสินค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในที่ต่าง ๆ เช่นที่ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย หน่วยงานสาธิตเพื่อส่งเสริมการขาย สินค้าบางส่วนอยู่ในโกดังของโจทก์เป็นสินค้าชำรุด มีตำหนิ สินค้าอะไหล่ สินค้าสำรองและเศษซาก นอกจากนั้นการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมินก็มิได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าส่วนต่างของสินค้าที่เจ้าพนักงานประเมินคำนวณได้และนำมาเป็นฐานในการประเมินภาษีแก่โจทก์นั้นเป็นสินค้าที่โจทก์นำไปขายให้แก่ผู้ใดที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งว่าโจทก์ลงรายได้ไว้ต่ำไปสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2530 จำนวน 1,31,843.41 บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่าโจทก์ลงรายได้ไว้ขาดไปเพียงจำนวน 112,973.39 บาท เมื่อปรับปรุงแล้วเป็นภาษีที่โจทก์ต้องชำระเพิ่มเพียง 40,240.68 บาท สำหรับรอระยะเวลาบัญชีปี 2531 แจ้งว่าโจทก์ลงรายได้ไว้ต่ำไปจำนวน 7,908,639.39 บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่าโจทก์ลงรายได้ไว้ต่ำไปเพียง 1,207,795.21 บาท เมื่อปรับปรุงแล้วเป็นภาษีที่โจทก์ต้องชำระเพิ่มเติมเพียง 422,728.32 บาท การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติใดในประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลที่บัญญัติว่าการที่มิได้นำสินค้าที่มีอยู่มาแสดงเป็นสินค้าคงเหลือหรือไม่นำมาบันทึกในบัญชีคุมสินค้านั้นถือเป็นการขายหรือรายได้ นอกจากนั้นตามหลักการทางบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือมาตรฐานการบัญชีก็ไม่มีการกำหนดให้ถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นการขายหรือเป็นรายได้เช่นกัน โจทก์ได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบภาษีโดยนำส่งเอกสารพร้อมทั้งหลักฐานทางบัญชีให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบ และให้ถ้อยคำและตอบข้อซักถามของเจ้าพนักงานประเมินทุกประเด็น ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้เจ้าพนักงานประเมินในการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ที่เจ้าพนักงานประเมินต้องการทุกประการ สมควรได้รับการพิจารณางดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มโดยสิ้นเชิง ขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2530 ตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ ต.6/1016/2100190 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 และสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2536 ตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ ต.6/1016/2100196 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามคำวินิจฉัยเลขที่ 202/2540/สภ.1 (กม.4) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2540 และเลขที่ 204/2540/สภ.1(กม.4) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2540 ให้งดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มเสียทั้งหมด | |