คำพิพากษาฎีกาที่5551/2541 | |
กรมสรรพากร | โจทก์ |
กรมสรรพากร | เจ้าหนี้ |
บริษัทสหมิตรร่วมกิจพืชผล จำกัด | จำเลย |
เรื่อง เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าภาษีอากรจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ป.รัษฎากร (มาตรา 12, 27 ทวิ) คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.65/2539 (ข้อ1(3) | |
ป. รัษฎากร มาตรา 27 ทวิ วรรคแรก กำหนดให้ถือว่าเงินเพิ่มตามมาตรา 27 เป็นเงินภาษี และมาตรา 12 วรรคแรก กำหนดว่าภาษีอากรซึ่งต้องเสียหรือนำส่ง เมื่อถึงกำหนดชำระแล้ว ถ้ามิได้เสียหรือนำส่งให้ถือเป็นภาษีอากรค้าง ดังนั้น การที่ลูกหนี้ค้างชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2528 รวมทั้งเงินเพิ่มเนื่องจากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดและเงินเพิ่มใหม่ จึงถือเป็นหนี้ภาษีอากรค้างตามความหมายของมาตรา 12 วรรคแรกทั้งสิ้น การที่กรมสรรพากรเจ้าหนี้นำเงินฝากในธนาคารอันเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ไปหักออกจากหนี้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจึงเป็นการกระทำเพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับชำระภาษีอากรค้างตามมาตรา 12 วรรคสองนั่นเอง หาใช่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่ง ป. รัษฎากรแต่อย่างใดไม่ แม้เจ้าหนี้จะอ้างคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.65/2539 เรื่อง การชำระภาษี เงินเพิ่มและหรือเบี้ยปรับบางส่วน ข้อ 1(3) ที่ระบุว่า การชำระภาษีและเงินเพิ่มต้องมีการเฉลี่ยตามสัดส่วนของจำนวนภาษีและเงินเพิ่มนั้น ก็เป็นเพียงคำสั่งภายในของกรมสรรพากรเจ้าหนี้ที่แจ้งให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ในกรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีมาชำระหนี้ เงินเพิ่มและหรือเบี้ยปรับตาม ป.รัษฎากรบางส่วน มิได้ชำระให้ครบถ้วนตามแบบแจ้งการประเมินภาษีเท่านั้น มิใช่กฎหมายที่ใช้บังคับแก่บุคคลทั่วไป ดังนั้น จึงไม่อาจใช้บังคับแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ต้องดำเนินตาม |