คำพิพากษาฎีกาที่1205/2541 | |
กรมสรรพากร | โจทก์ |
ห้างหุ้นส่วนจำกัด หอวิจิตรนิเวศน์ก่อสร้างบ้านและที่ดิน กับพวก รวม 3 คน | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกาศกระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2534 | |
ห้างฯ จำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นหนี้ค่าภาษีอากรจำนวน 2,184,108.38 บาท ได้ขอชำระหนี้ค่าภาษีอากรด้วยวิธีผ่อนชำระเพื่อจะได้สิทธิประโยชน์ในการไม่ต้องเสียเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายเวลายื่นรายการการชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2534 มีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ ค้ำประกันการขอผ่อนชำระของจำเลยที่ 1 โดยขอผ่อนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 24 งวด จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระได้เพียงงวดที่ 11 ก็ผิดนัดไม่ชำระ ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้นำเงินค่าภาษีที่ติดค้างพร้อมเงินเพิ่มมาชำระให้โจทก์ แต่การผิดนัดชำระหนี้ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 หมดสิทธิได้รับประโยชน์ที่จะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับงวดที่ผิดนัด จำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดในส่วนของเบี้ยปรับและเงินเพิ่มดังกล่าว คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.1148/2538 เรื่อง มอบอำนาจหน้าที่ให้รองอธิบดีกรมสรรพากรสั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี ได้ระบุไว้ว่า มอบอำนาจให้รองอธิบดีกรมสรรพากรสายกฎหมายสั่งและปฏิบัติราชการแทนโจทก์ในเรื่องดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีแพ่งเพื่อฟ้องคดีต่อศาล เมื่อนายวีระชัยฯ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรสายกฎหมายดังที่โจทก์มีคำสั่งไว้ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.1201/2538 ดังนั้น นายวีระชัยฯ จึงมีอำนาจดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ได้ ที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายไว้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ค่าภาษีงวดที่ 12 ถึงงวดที่ 24 รวมเป็นเงินเท่าใด เห็นว่า ตามเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งของคำฟ้องได้ระบุจำนวนเงินงวดที่ 12 ถึงงวดที่ 24 ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระให้แก่โจทก์แล้ว ทั้งจำเลยที่ 3 ก็ยอมรับว่าได้นำเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมเบี้ยปรับที่ชำระล่าช้าไปชำระให้โจทก์ จนครบ แสดงว่าจำเลยที่ 3 ทราบดีถึงวันที่นำเงินไปชำระ และโจทก์ยังได้แนบเอกสารท้ายฟ้องเป็นหนังสือแจ้งการประเมินภาษีกับบัญชีรายละเอียดการผ่อนชำระภาษีอากรค้าง จึงเพียงพอที่จะทำให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาของโจทก์และต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ตามสัญญาค้ำประกันการผ่อนชำระภาษีอากรได้ระบุความรับผิดของจำเลยที่ 3 ว่า หากจำเลยที่ 1 มิได้ชำระหนี้ภาษีอากรทั้งหมดหรือบางส่วน จำเลยที่ 3 ยอมชำระหนี้ภาษีอากรที่ค้างรวมทั้งเงินเพิ่มภาษีอากรแทนทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัด ย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับประโยชน์ที่จะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มสำหรับงวดที่ผิดนัด จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในหนี้ภาษีอากรที่ค้างรวมทั้งสิ้นเงินเพิ่มภาษีอากรด้วย |