คำพิพากษาฎีกาที่ 2002/2537 | |
กรมศุลกากร กับพวก | โจทก์ |
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทีซีอีเล็คโทรนิคส์ กับพวก | จำเลย |
เรื่อง อายุความหนี้ค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาล | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้องแพ่ง อายุความเรียกร้องเอาภาษีอากร (มาตรา 193/31) วิธีพิจารณาความอาญา คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา (มาตรา 51) พ.ร.บ.ศุลกากรฯ (มาตรา 10) | |
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอบังคับจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันชำระเงินค่า ภาษีอากร 77,485.25 บาท และเงินเพิ่มอากรขาเข้าอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนในต้นเงินอากรขาเข้า 15,262.50 บาท เป็นรายเดือนนับ แต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองมิได้ร่วมกันยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและ แบบแสดงรายการการค้าเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 แต่ได้ยื่นโดย ถูกต้องตามความจริง ฟ้องโจทก์เกิน 10 ปี จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าอากร ขาเข้าและเงินเพิ่มอากรขาเข้ารวม 42,581.48 บาท และเงินเพิ่มอากรขาเข้า อัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนในต้นเงินอากรขาเข้า 15,262.50 บาท เป็นรายเดือนนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ให้ยกฟ้อง โจทก์ที่ 2 ส่วนค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลซึ่งถือเป็นภาษีการค้าด้วนนั้น ประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 167 เดิม (มาตรา 193/31 ที่แก้ไขใหม่) มาตรา 169 เดิม (มาตรา 193/12 ที่แก้ไขใหม่) คือ มีอายุความสิบปีนับเริ่ม แต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ซึ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 เบญจ (1) และประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีการค้า (ฉบับที่ 7) ออก ตามความในมาตรา 78 เอกาทศ และมาตรา 78 ทวาทศ กำหนดให้ผู้นำของเข้า ชำระภาษีการค้าในวันที่ชำระอากรขาเข้าหรือวางหลักประกันหรือจัดให้มีผู้ค้ำ ประกันเงินอากรขาเข้า ซึ่งก็คือวันที่ 24 ธันวาคม 2518 อันเป็นวันที่จำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าภาษีอากรตามที่สำแดงไว้และวางเงินเพื่อประกันค่าภาษีอากร แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ได้ตรวจปล่อยสินค้าให้จำเลยทั้งสองไป อายุความ ของค่าภาษีการค้านี้จึงมีกำหนดสิบปี โดยต้องเริ่มนับแต่เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2418 อันเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ซึ่งนับถึงวันที่โจทก์ ทั้งสองฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2533 เกินกำหนดเวลาสิบปี คดีจึง ขาดอายุความ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น ที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากรขาเข้า และศาลอาญาพิพากษาลงโทษเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2524 คดีถึงที่สุดโดย จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การฟ้องเรียก ค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลมีอายุความสิบปี นับแต่คดีอาญาถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 เดิม (มาตรา 193/32 ที่แก้ไขใหม่) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 คดีไม่ขาด อายุความนั้น เห็นว่า ค่าภาษีการค้านั้นตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 จัตวา, 78 เบญจ (1) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า (ฉบับที่ 20) ถือว่าผู้นำของเข้าได้ขายสินค้านั้น ๆ ในวันที่ชำระอากรขาเข้าหรือวางหลักประกัน หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันเงินอากรขาเข้าจึงเป็นอันให้เกิดหนี้และจะต้องชำระค่า ภาษีการค้าในวันเดียวกันดังวินิจฉัยข้างต้น แต่การหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากรโดย เฉพาะในคดีนี้จำเลยทั้งสองได้สำแดงราคาสินค้าเท็จ ในวันที่ขอให้พนักงานเจ้าหน้า ที่ของรัฐจึงจะเป็นความผิดทางอาญา การกระทำผิดในทางอาญานี้หาได้ก่อให้เกิด หนี้ค่าภาษีอากรในทางแพ่งในขณะเดียวกับการกระทำผิดในทางอาญาโดยตรงไม่ แต่หนี้ค่าภาษีอากรดังกล่าวเกิดเพราะการนำเข้าสำเร็จและกฎหมายให้ถือว่าได้ ขายสินค้านั้น ๆ ดังกล่าวข้างต้น คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดัง ที่โจทก์ทั้งสองกล่าวอ้าง หนี้ค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลจึงมีอายุความ สิบปี นับแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2518 หาใช่มีอายุความสิบปีนับแต่เมื่อคดีอาญา ถึงที่สุดดังที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น" พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไป ตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง |