เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่609/2537

 

นายกิตติ เพชรศิร

โจทก์

นางเรวดี แสงใหญ

จำเลย

เรื่อง เอกสารสัญญากู้หมาย

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องแพ่ง หลักฐานการกู้ยืมเงิน (มาตรา 653) ป. รัษฎากร ตราสารไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์
(มาตรา 118)

โจทก์ นายกิตติ เพชรศิริ
จำเลย นางเรวดี แสงใหญ่
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2531 จำเลยได้กู้เงินโจทก์ จำนวน 150,000 บาท และได้รับเงินไปแล้วในวันทำสัญญา โดยยอม ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระเงินคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2532 นับแต่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปแล้ว ไม่เคยชำระดอกเบี้ย เลย เมื่อครบกำหนดที่จะต้องชำระต้นเงินก็ไม่นำเงินดังกล่าวมาชำระ แก่โจทก์ โจทก์ทางถามให้จำเลยชำระหนี้หลายครั้งจำเลยเพิกเฉย ถึง วันฟ้องจำเลยเป็นหนี้ดอกเบี้ยและเงินต้นรวมเป็นเงิน 176,250 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 176,250 บาทพร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 150,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็น ต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ลายมือชื่อในสัญญา กู้เป็นลายมือชื่อปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 176,250 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 150,000 บาท นับแต่วันถัด จากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีนี้มีประเด็นในชั้นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อ กฎหมายว่าสัญญากู้เงินที่โจทก์ส่งศาลปิดอากรแสตมป์แล้ว แต่ไม่ขีดฆ่า อากรแสตมป์จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่เพียงใด ข้อเท็จจริง ฟังได้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ตาม เอกสารหมาย จ.1 แล้วจำเลยผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยและเงินต้นแก่โจทก์ โจทก์จึงนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นหลักฐานในการฟ้องคดีนี้ พิเคราะห์แล้ว ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติว่า "ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดี แพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราใน บัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว ..." และมาตรา 103 อธิบายว่า "ปิดแสตมป์บริบูรณ์" หมายความว่า (1) ในกรณีแสตมป์ปิดทับ คือการ ได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ทับกระดาษก่อนกระทำหรือในทันทีที่ทำ ตราสารเป็นราคาไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสีย และได้ขีดฆ่าแสตมป์นั้นแล้ว คดีนี้ปรากฏว่าสัญญากู้อันเป็นตราสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานตามเอกสาร หมาย จ.1 ปิดอากรแสตมป์แล้วแต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ จึงถือว่าสัญญา กู้ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ปัญหานี้ จำเลยยอมรับว่าได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้จริง ศาลไม่จำต้องอาศัยสัญญา กู้เป็นพยานหลักฐานต่อไปนั้นก็ปรากฏว่า จำเลยให้การปฏิเสธลายมือชื่อ ในสัญญากู้เงินว่าไม่ใช่ของจำเลย เท่ากับปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงแห่ง เอกสารและกล่าวอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ ศาลต้องใช้สัญญากู้มาเป็นพยาน หลักฐานในคดี เมื่อสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์อ้างไม่อาจรับฟัง เป็นพยานหลักฐานได้ อันเป็นผลให้คดีโจทก์ไม่มีหลักฐานที่จะรับฟังว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ดังฟ้อง ส่วนที่จำเลยเบิกความว่าลายมือชื่อในสัญญากู้ เป็นของจำเลยนั้น เป็นเรื่องในชั้นพิจารณา ข้อเท็จจริงในประเด็นที่จำเลย ต่อสู้ไว้ว่าไม่ได้ทำสัญญากู้นั้น ฟังได้เพียงใด ไม่ใช่กรณีที่ไม่ต้องใช้เอกสาร สัญญากู้หมาย จ.1 เป็นพยานหลักฐาน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น"
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
(ยรรยง ปานุราช - ยงยุทธ ธารีสาร - อำนวย สุขพรหม)

 

ปรับปรุงล่าสุด: 07-02-2021