คำพิพากษาฎีกาที่2156/2535 |
|
นางบุญเทียม สุวรรณอัตถ | โจทก์ |
นายสุวิทย์ เฉลิมลาภอนันต | จำเลย |
เรื่อง สัญญาค้ำประกัน |
|
กฎหมายที่เกี่ยวข้องเสียอากรแสตมป์เพิ่ม รับฟังเอกสาร (มาตรา 113, 118) | |
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2519 นางอาภรณ์ ทองคำกุล กู้ยืมเงินโจทก์ไป 25,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระเงินคืนในวันที่ 18 พฤษภาคม 2521 โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันเมื่อครบกำหนดชำระหนี้ นางอาภรณ์ผิดนัด โจทก์ทวงถามจำเลยแล้ว จำเลยนำเงินมาชำระให้โจทก์ 5ม000 บาท เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2526 คงค้างชำระอีก 20,000 บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน 32,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 20,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์โจทก์ขีดฆ่าแก้ไขสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำให้นางอาภรณ์มาเป็นชื่อโจทก์โดยพลการเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15ต่อปี นับแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง ตามเอกสารหมาย จ.1 จำเลยฎีกาว่า เอกสารหมาย จ.1 ไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ เพราะโจทก์ปิดอากรแสตมป์เมื่อพ้น 90 วัน นับแต่วันต้องปิดอากรแสตมป์โดยมิได้เสียอากรเพิ่ม ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานเข้าเบิกความ โจทก์ได้อ้างส่งเอกสารหมาย จ.1 เป็นพยาน ซึ่งเอกสารดังกล่าวได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ตามกฎหมายและศาลชั้นต้นได้รับรวมสำนวนไว้แล้ว จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้โดยไม่จำต้องเสียอากรเพิ่มตามมาตรา 113 แห่งประมวลรัษฎากรให้ครบถ้วนก่อน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน (เริงธรรม ลัดพลี - วีระชัย สูตรสุวรณ - ปรีชา เฉลิมวณิชย์) |