คำพิพากษาฎีกาที่ 3721-3722/2532 | |
บริษัท ห้างขายทองเซ่งเฮงหลี จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (6) | |
โจทก์อ้างว่ากรรมการผู้จัดการโจทก์เป็นพยานสำคัญ แต่โจทก์กลับนำสืบพยานอื่นก่อนโดยไม่ปรากฏว่ามีความจำเป็นอย่างไร ในวันนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายศาลนัดห่างจากนัดก่อนถึง 2 เดือนเศษ พยานโจทก์แม้จะมีธุรกิจมากย่อมจะกำหนดวันว่างที่จะเบิกความได้ แต่กลับไป ต่างประเทศโดยมิได้แถลงให้เห็นว่ามีธุรกิจจำเป็นหรือสำคัญอย่างไร และจะเบิกความเกี่ยวกับ ข้อเท็จจริงใด สำคัญแก่คดีเพียงใด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าไม่เต็มใจมาเบิกความ และโจทก์ประวิงคดี คำสั่งงดสืบพยานปากดังกล่าวจึงชอบแล้ว เอกสารใบเสร็จรับเงิน และรายงานการนำเข้า, การซื้อ และการจำหน่ายทองคำของบริษัทผู้นำเข้า ซึ่งทำรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อประโยชน์ในการควบคุมการนำเข้า และการจำหน่ายทองคำภายในประเทศนั้น ปรากฏว่ามีรายการจำหน่ายทองคำให้โจทก์ 4 รายการ ซึ่งโจทก์มิได้นำมาลงบัญชี เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์หักล้าง จึงต้องถือว่าโจทก์ซื้อและขายทองคำจำนวนดังกล่าวไปในวันเดียวกัน การประเมินจึงชอบด้วยกฎหมาย ในการตีราคาสินค้าทองคำคงเหลือปลายปีของโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินคิดเฉลี่ย ราคาทองคำบาทละ 15 กรัม ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปแล้ว ราคาทองคำมีการขึ้นลง อยู่เสมอ การที่เจ้าพนักงานประเมินตีราคาสินค้าคงเหลือปลายปีที่พิพาทโดยใช้วิธีการเฉลี่ยหาราคาทุนจากราคาทองคำที่โจทก์ได้ซื้อมาทั้งปี จึงเป็นการชอบแล้ว |