คำพิพากษาฎีกาที่ 2737/2532 | |
บริษัท เอฟ.แอล.สมิดท์ จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 39, 71(1), 76 ทวิ | |
โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายของต่างประเทศ ได้ทำสัญญาขายเครื่องจักรให้กับบริษัทผู้ซื้อแล้วส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลการติดตั้งและเดินเครื่องจักร เงินได้ที่โจทก์ได้รับจากการให้บริการควบคุมดูแลติดตั้งและเดินเครื่องจักรดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจจะต้องเสียภาษีอากรตามมาตรา 76 ทวิ มาตรา 76 ทวิ กำหนดให้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของ ต่างประเทศเยี่ยงโจทก์เสียภาษีเงินได้เฉพาะที่เกี่ยวกับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทย และเป็นเงินได้หรือผลกำไรที่โจทก์ได้รับตามความเป็นจริง ไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินใช้อัตรากำไรสุทธิของนิติบุคคลอื่นมาเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์ และในมาตรา 76 ทวิ วรรคสอง ได้บัญญัติเป็นทางแก้สำหรับกรณีที่ไม่สามารถคำนวณกำไรสุทธิได้ตามวรรคแรก โดยกฎหมายให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการประเมินภาษีตามมาตรา 71 (1) มาใช้บังคับ คือ ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินใช้อัตรากำไรสุทธิที่โจทก์ได้รับจากนิติบุคคลอื่นมาใช้เป็น หลักเกณฑ์ในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์จึงเป็น การไม่ชอบ เงินค่าภาษีที่บริษัทผู้ซื้อสินค้าของโจทก์รับจะออกแทนให้โจทก์ตามสัญญาให้บริการนั้นเมื่อปรากฏว่าบริษัทผู้ซื้อยังมิได้ออกเงินค่าภาษีให้โจทก์แต่อย่างไร จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเงินได้ พึงประเมินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 39 |