คำพิพากษาฎีกาที่ 1478/2531 | |
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทยแลปปิดารี่เอ็กซปอร์ต อิมปอร์ต | โจทก์ |
กรมสรรพากรกับพวก | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 30, 65 ทวิ (5), 65 ตรี (13), 79 ทวิ (6) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 | |
สินค้าเพชรพลอยที่โจทก์รับคืนจากลูกค้าที่ส่งไปขายยังต่างประเทศ เมื่อรับคืนมาแล้วโจทก์ไม่ได้ลงบันทึกในบัญชีคุมสินค้า และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์อ้าง สินค้าดังกล่าวจึงขาดหายไปจากบัญชีคุมสินค้า จึงถือว่าโจทก์ได้ขายสินค้าดังกล่าวโดย มิได้ลงบัญชี การลงบัญชีขายสินค้าของโจทก์ตามความเป็นจริงโดยใช้อัตราถัวเฉลี่ยของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสหรัฐกับเงินบาท โดยถืออัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐต่อ 20 บาท โดยอ้างว่าเพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้มีอัตราสูงต่ำไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา โจทก์จึงต้องใช้อัตราถัวเฉลี่ยนนั้น แต่ไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนให้โจทก์กระทำได้ จึงไม่ถูกต้องตรงตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 ทวิ (5) แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำนวนเงินที่เป็นค่าดอกเบี้ยเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ กรณีของโจทก์ต้องด้วยมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งไม่ให้โจทก์ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เมื่อโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาที่เกี่ยวกับสินค้าที่ขาดบัญชีต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำปัญหานี้มาสู้ศาลได้ ตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ไม่ได้ยกปัญหาขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 |