คำพิพากษาฎีกาที่209/2531 |
|
แอร์โรว์โฟลว์ โซเวียต แอร์ไลน์ | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลรัษฎากร มาตรา 67, 79 | |
ตามที่บทบัญญัติมาตรา 29, 30 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อมีการประเมินภาษีอากรแล้ว ผู้มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีอากรจะอุทธรณ์การประเมินไปยังผู้มีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์หรือคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะต้องห้ามตามกฎหมายมิให้อุทธรณ์การประเมินที่กฎหมายบัญญัติไว้ การที่จำเลยได้ใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ยังไม่มีคำวินิจฉัยหนี้ภาษีอากรตามที่โจทก์แจ้งการประเมินอาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้ ชอบที่จะต้องรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เสียก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และหากจะตีความว่าเมื่อไม่มีประมวลรัษฎากรมาตราใดบัญญัติห้ามมิให้โจทก์ฟ้องคดีระหว่างรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น ก็จะทำให้บทบัญญัติเรื่องอุทธรณ์การประเมินต่อผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรจะไร้ประโยชน์ ส่วนปัญหาเรื่องภาษีอากรค้างกับการนำคดีมาฟ้องเป็นคนละปัญหากันโจทก์ประกอบกิจการบินขนส่งระหว่างประเทศ การที่โจทก์มอบให้ตัวแทนของโจทก์ขายตั๋วเครื่องบินและติดต่อรับขนของทางอากาศ โจทก์จะต้องจ่ายเงินผลประโยชน์แก่ตัวแทนเท่ากับผลต่างระหว่างราคาที่โจทก์เรียกเก็บจากตัวแทนกับราคาที่ตัวแทนเรียกเก็บจากผู้โดยสารและผู้ส่งของในราคาไม่เกินราคาที่ระบุในตั๋วเครื่องบินหรือใบขนของทางอากาศผลประโยชน์ดังกล่าวถือเป็นรายรับของโจทก์ส่วนหนึ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 โจทก์จึงต้องคำนวณเอาเงินจำนวนนี้เข้าเป็นรายรับของโจทก์เพื่อคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 67 ด้วย ส่วนที่ตัวแทนต้องนำรายรับดังกล่าวไปเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่เกี่ยวถึงความรับผิดของโจทก์ที่จะต้องเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย |