คำพิพากษาฎีกาที่ 3266/27 | |
เรื่อง การฟ้องเรียกเงิน | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง บอกเลิก,คู่ความ,มอบอำนาจ,จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน,จ้างแรงงานประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน,ประมวลรัษฎากร | |
การที่โจทก์ชก น.นอกสถานที่ทำงานและนอกเวลาทำงานเพราะมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน ทำให้ น.มีบาดแผลเล็กน้อยนั้น เป็นเรื่องลูกจ้างทำร้ายกันเอง ไม่เกี่ยวกับกิจการของจำเลยโดยตรง จึงไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงหรือทำลายเกียรติคุณของจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงอันจำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ป.พ.พ.ม.583 ซึ่งจำเลยจะมีสิทธิมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าอีกด้วย โจทก์มอบอำนาจให้ ม. ฟ้องคดีนี้แทนเพียงคดีเดียวแม้ใบมอบอำนาจจะระบุให้ผู้รับมอบอำนาจมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาหรืออื่น ๆ ได้ด้วยก็ตามถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียวซึ่งตาม ป.รัษฎากร กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ 10 บาทเท่านั้น ม.ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีแทนย่อมอยู่ในฐานะคู่ความ จึงมีอำนาจเรียงหรือแต่งคำคู่ความได้ เพราะการเรียงหรือแต่งคำคู่ความไม่ใช่การว่าความอย่างทนายความ ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าค่าพาหนะเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าพาหนะเป็นการฟ้องเรียกเงินอีกประเภทหนึ่งต่างหากและจำนวนค่าชดเชยกับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าโจทก์ก็มิได้นำค่าพาหนะมารวมคำนวณด้วย จึงไม่ต้องนำค่าพาหนะมาเป็นฐานคำนวณจ่ายเงินดังกล่าว กรณีที่สินจ้างจ่ายกันในวันพฤหัสบดีเว้นหนึ่งวันพฤหัสบดี โดยวันอาทิตย์เป็นวันหยุด หนึ่งช่วงเวลาของการจ่ายค่าจ้างเป็นเวลา 12 วัน |