คำพิพากษาฎีกาที่ 1281/2525 | |
ธนาคารเอเซียทรัสท์ จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากรกับพวก ผู้ร้อง บริษัท รวมมิตรอิควิปเม้นท์ซัพพลาย | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง แพ่ง อายุความ (ม. 167, 173) หุ้น และผู้ถือหุ้น (ม. 1120) ป.วิ.แพ่ง การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง (ม. 287, 290) ม. 12, 19, 20, 23, 84, 85 ทวิ, 88 ทวิ | |
เมื่อผู้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 84 และ มาตรา 85 ทวิ แสดงรายรับขาดไปเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของยอดรายรับที่แสดงไว้ในแบบแสดงรายการการค้า และบางเดือนก็มิได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้า เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีการค้าได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการการค้าตามมาตรา 88 ทวิ (2) ไม่ใช่ 5ปี ตามมาตรา 88 ทวิ (1) แห่งประมวลรัษฎากรเมื่อเจ้าพนักงานตรวจสอบภาษีเชื่อว่า ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ครบถ้วนเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกตัวผู้ยื่นรายการนั้นมาตรวจสอบไต่สวนได้ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้ยื่นรายการแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 และ 23ส่วนการประเมินตามมาตรา 20 ไม่จำต้องประเมินภายในกำหนด 5 ปีนับแต่วันยื่นรายการดังนั้น เมื่อนับจากวันที่ผู้เสียภาษียื่นรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ถึงวันที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้เสียภาษีเพิ่มเติมยังไม่เกิน 10 ปี สิทธิเรียกร้องเก็บภาษีของเจ้าพนักงานประเมินจึงยังไม่ขาดอายุความเมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมินภาษีที่ชำระขาดให้จำเลยทราบภายใน10 ปีแล้วจึงมีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ตามที่เรียกร้อง ย่อมเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ให้อำนาจพิเศษแก่เจ้าพนักงานยึดและสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินได้เองโดยไม่ต้องนำคดีฟ้องต่อศาล ดังนั้น แม้กรมสรรพากรผู้ร้องจะมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและไม่เป็นหนี้บุริมสิทธิ ก็ขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ได้เงินค่าหุ้นของบริษัทจำเลยที่ผู้ถือหุ้นยังชำระไม่ครบมูลค่าและจำเลยยังไม่ได้เรียกเก็บถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยอันจะยึดมาชำระหนี้ได้ ทั้งยังไม่แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นเหล่านั้นจะสามารถชำระค่าหุ้นที่ค้างนั้นได้ จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้ |