เมนูปิด

 

คำพิพากษาฎีกาที่0409/24  
กรมสรรพากรโจทก์
ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ กับพวกจำเลย
เรื่อง การขายเวลาชำระหนี้ การทวงถาม 
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เรียกให้ชำระ,ระงับ,ฎีกา,ข้อเท็จจริงห้ามฎีกา,อุทธรณ์ฎีกา,คดีไม่มี
ทุนทรัพย์หนี้,ประมวลรัษฎากร
 
การที่เจ้าพนักงานประเมินมีหนังสือแจ้งให้จำเลยชำระภาษีและเงินเพิ่ม ภาษีภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งการประเมิน มิใช่เป็นการขาย เวลาชำระหนี้ให้แก่จำเลยแต่เป็นการทวงถาม หรือเตือนจำเลยให้ชำระหนี้ และกรณีไม่ต้องห้ามตาม ป.พ.พ.ม.354,355 และ 203 วรรคสอง โจทก์ฟ้อง จำเลยได้ตาม ป.พ.พ.ม.194โดยไม่จำต้องรอให้ครบกำหนด30 วัน นับแต่วันที่ จำเลยได้รับหนังสือแจ้งการประเมินก่อน
แม้จะมีคำสั่งของนายกรัฐมนตรีให้ทรัพย์สินกองมรดก ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตกเป็นของรัฐ ก็หาเป็นเหตุให้หนี้ค่าภาษีอากรที่ยังไม่ได้ชำระระงับ ลงไม่ กรมสรรพากรโจทก์มีอำนาจกำหนดเงินได้สุทธิของจอมพลสฤษดิ์แล้ว ทำการประเมินภาษีเงินได้ กองมรดกต้องรับผิดชำระแก่โจทก์ โจทก์มีอำนาจ ฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าปัญหาว่าเงินฝากในธนาคารต่าง ๆ ไม่ใช่เงินฝาก ของจอมพลสฤษดิ์และท่านผู้หญิงวิจิตรจำเลยที่ 2 นั้นจำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้ในคำ ให้การ จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์ จำเลยจะต้องฎีกา คัดค้านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ในคำให้การ แล้วที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยดังกล่าว จึงไม่ชอบเสียก่อน แล้วจึงฎีกาต่อไปว่า
เงินฝากในธนาคารดังกล่าวไม่ใช่เงินฝากของบุคคลทั้งสอง เมื่อจำเลยฎีกา เพียงว่าเงินฝากในธนาคารต่าง ๆไม่ใช่เงินฝากของบุคคลทั้งสอง จึงไม่ชอบ เพราะไม่ได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายในการบริจาคการกุศลเป็นส่วนหนึ่ง ของเงินได้ เพราะจะต้องมีเงินได้เสียก่อนแล้วจึงจะสามารถนำไปจ่ายได้ การที่เจ้าพนักงานประเมินนำยอดเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปรวมเข้ากับยอดเงิน และมูลค่าของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น แล้วกำหนดจำนวนเงินได้สุทธิจึงเป็นการชอบ
จำเลยที่ 2 เป็นทายาทคนหนึ่งของจอมพลสฤษดิ์ มีหน้าที่แสดงรายการ เงินได้ของจอมพลสฤษดิ์ โดยไม่จำต้องรอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ของจอมพล สฤษดิ์เสียก่อน

 

ปรับปรุงล่าสุด: 23-01-2021