คำพิพากษาฎีกาที่6659/2545 | |
นายวิจักษณ์ ธีรวิศรุต | โจทก์ |
กรมสรรพากร กับพวก | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2(6) พระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 244 พ.ศ.2534 | |
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2538 โจทก์ซื้อที่ดิน 2 แปลง ตามหนังสือน.ส.3 ก. เลขที่ 1715 และ 2366 ตำบลทุ่งกง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และในวันเดียวกันได้ทำสัญยาขายฝากที่ดินทั้ง 2 แปลง ให้แก่นายสมเกียรติ สุขานนท์สวัสดิ์ เป็นเงิน 4,235,000 บาท มีกำหนด 6 เดือน และโจทก์ได้ไถ่ถอนที่ดินขายฝากภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ต่อมาเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ได้ตรวจสอบสัญญาขายฝากแล้วเห็นว่า การขายฝากที่ดินของโจทก์ได้กระทำภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางการค้าหรือหากำไร ตามมาตรา 91/2 (6) ประกอบพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้า หรือหากำไร (ฉบับที่ 244)พ.ศ.2534 แต่โจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะและชำระภาษี เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ไปพบโจทก์ที่บ้านและแจ้งให้โจทก์ทราบว่ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายฝากที่ดินดังกล่าว โดยนักหมายให้โจทก์ไปพบในวันรุ่งขึ้น แต่โจทก์มิได้นำเงินค่าภาษีไปชำระแต่อย่างใด เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 จึงมีหนังสือแจ้งการประเมินถึงโจทก์ ให้ชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และภาษีบำรุงเทศบาล รวมเป็นเงิน 536,659 บาท โดยในส่วนเบี้ยปรับให้ชำระจำนวน 2 เท่าของภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่ง คิดเป็นเป็นเงิน 254,100 บาท คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินถูกต้อง ชอบแล้ว ไม่มีเหตุอันควรผ่อนผันที่จะงดงดหรือลดเบี้ยปรับ คดีมีปัญหาว่ามีเหตุสมควรที่จะงดเบี้ยปรับหรือไม่ แม้ในชั้นแรกโจทก์จะเข้าใจว่าการขายที่ดินของโจทก์ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่เมื่อ เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ไปพบและแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อโจทก์ไม่ไปดำเนินการชำระภาษี ทั้งที่มีโอกาสได้รับงดเว้นเบี้ยปรับ แม้โจทก์จะไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ก็ไม่มีเหตุอันควรที่จะงดเบี้ยปรับแก่โจทก์ แต่โดยที่เจ้าพนักงานประเมินมิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนก่อน เนื่องจากเห็นว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงสัญญาขายฝากที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดส่งให้เพียงพอที่จะดำเนินการประเมินได้แล้ว ดังนั้นการที่โจทก์ไม่ไปพบเจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 ตามนัด จึงไม่ใช่กรณีที่โจทก์ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบไต่สวน เมื่อพิจารณาประกอบกับการที่หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้วดจทก์จะไถ่ถอนที่ดินคืนภายในกำหนดเวลาตามสัญญา ซึ่งอาจทำให้โจทก์เข้าใจว่าไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ การที่โจทก์ต้องชำระเบี้ยปรับ 2 เท่า ของจำนวนภาษีที่ต้องเสียจึงเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินสมควร เห็นควรลดเบี้ยปรับที่เรียกเก็บลงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย พิพากษาแก้ไขการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เฉพาะในส่วนของเบี้ยปรับ เป็นให้ลดเบี้ยปรับที่เรียกเก็บลงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย คงให้โจทก์ชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน 127,050 บาท ค่าธรรมเนียมให้เป็นพับ |