คำพิพากษาฎีกาที่ 7667/2546 | |
บริษัท เลชาเลท์ จำกัด | โจทก์ |
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ที่ 1, กรมสรรพากร ที่ 2 | จำเลย |
เรื่อง การลดหรืองดเบี้ยปรับ | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร | |
การลดหรืองดเบี้ยปรับของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ผูกพันศาล และเหตุแห่งการลดหรืองดเบี้ยปรับ คดีนี้ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้พิจารณาลดเบี้ยปรับให้โจทก์แล้ว คงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษายกฟ้องจำเลย ที่ 1 เพราะเห็นว่าเป็นคณะกรรมการไม่มีสภาพบุคคลตามกฎหมายและพิพากษาให้แก้ไขการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยให้เรียกเก็บเบี้ยปรับเพียง ร้อยละ 20 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้พิจารณาข้ออ้างทั้งหมดของโจทก์ที่ว่ามิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรแล้ว ให้ลดเบี้ยปรับที่โจทก์จะต้องชำระตามกฎหมายลงคงให้เรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับที่ต้องชำระจึงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า ศาลภาษีอากรกลางลดเบี้ยปรับซึ่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดให้คงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย ลงเหลือเรียกเก็บเพียงร้อยละ 20 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่เห็นว่า ในเรื่องการลดเบี้ยปรับนั้นแม้เจ้าพนักงานประเมินหรือคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะได้ลดเบี้ยปรับลงโดยพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆในคดีรวมทั้งพฤติการณ์ของโจทก์กับเหตุอันควรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ข้อพิจารณาดังกล่าวหามีผลผูกพันศาลให้ต้องถือเป็นข้อยุติและไม่อาจลดเบี้ยปรับลงอีกไม่ ศาลยังมีอำนาจที่จะลดเบี้ยปรับลงอีกหรืองดเบี้ยปรับเสียก็ได้ในกรณีที่มีเหตุอันควรกรณีนี้ แม้โจทก์จะไม่ดำเนินการชำระภาษี ทันทีที่ได้รับชำระราคาที่ดิน แต่ก็เป็นการชำระโดยยังไม่ได้รับคำเตือนหรือเรียกตรวจสอบไต่สวนเป็นหนังสือ ทั้งๆที่ขณะนั้นกิจการของโจทก์กำลังประสบภาวะขาดทุน จึงนับเป็นเหตุอันควรที่จะนำมาลดเบี้ยปรับหรืองดการเรียกเบี้ยปรับเสียก็ได้ดังนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางใช้ดุลพินิจลดเบี้ยปรับแก่โจทก์ลงคงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 20ของเบี้ยปรับตามกฎหมายจึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ฟังไม่ขึ้น | |