คำพิพากษาฎีกาที่3423/2547 | |
กรมสรรพากร | โจทก์ |
บริษัท ศิริอนันต์เจริญค้าไม้ จำกัด | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 | |
จำเลยยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) สำหรับเดือนภาษีมกราคมถึงธันวาคม 2537 ต่อ เจ้าพนักงานของโจทก์ โดยแสดงภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ ซึ่งมียอดภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย จึงขอภาษีมูลค่าเพิ่มคืนเป็น เงินสด ซึ่งเจ้าพนักงานของโจทก์ได้อนุมัติคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้จำเลยรับไปแล้วเป็นเงินจำนวน 1,452,747.26 บาท ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ตรวจสอบการเสียภาษีอากรของจำเลยแล้วเห็นว่าในเดือนมีนาคม พฤษภาคม สิงหาคม พฤศจิกายน ธันวาคม จำเลยแสดงภาษีขายไว้ไม่ถูกต้องต่ำกว่าความเป็นจริง จึงประเมินเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติม ซึ่งผลจากการประเมินดังกล่าวเป็นเหตุให้จำเลยต้องคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่รับไปจากโจทก์บางส่วนเป็นเงิน 1,184,877.24 บาท จำเลยไม่คืนเงินจำนวนดังกล่าวและอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ฟ้องคดีนี้ก่อนคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ในขณะที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์ของจำเลยจึง ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะมีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินอย่างใดหรือไม่ หนี้ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตามการประเมินของเจ้าพนักงานและภาษีมูลค่าเพิ่มที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้รับคืนเกินไปและต้องคืนแก่โจทก์นั้น จึงเป็นหนี้ที่ไม่แน่นอนว่ามีอยู่จริงหรือไม่เพียงใด ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฏีกาที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยมาต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน |