เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่1738/2548 
ห้างหุ้นส่วนจำกัดตรังก่อกิจโจทก์

กรมสรรพากร

จำเลย
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 3 อัฏฐ มาตรา 8

จำเลยส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลและหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มให้โจทก์ทราบ โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับในประเทศ จ่าหน้าซองระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับตามภูมิลำเนาของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้ ต่อสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดฯ โดยมีนาย พ. ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับหนังสือในใบตอบรับในประเทศในช่องผู้รับแทน เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2541 ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2544 เจ้าหน้าที่ของจำเลยเรียกให้โจทก์ชำระภาษี เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โจทก์ได้ชำระเฉพาะค่าภาษีครบถ้วน ส่วนเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โจทก์เห็นว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากโจทก์ ไม่ทราบการประเมินภาษีของจำเลย โจทก์เพิ่งทราบเมื่อทางจำเลยได้ยึดทรัพย์ของนาย ข. หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ โจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2544 แต่เนื่องจากได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าล่วงเลยเวลาการยื่นอุทธรณ์มานานแล้ว โจทก์จึงยื่นคำร้องขอขยายกำหนดเวลาอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 14 พ.ค. 2545 โจทก์ได้รับหนังสือจากจำเลยไม่อนุมัติให้ขยายกำหนดเวลาอุทธรณ์ โดยให้เหตุผลว่ากรณีขยายกำหนดเวลาการอุทธรณ์ตามมาตร 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร ต้องเป็นกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาอุทธรณ์มิได้อยู่ในประเทศไทยหรือมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถ จะปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ คดีนี้ โจทก์เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดตรัง จึงมิใช่ ผู้ที่มิได้อยู่ในประเทศไทย ปัญหาต้องวินิจฉัยมีเพียงว่ามีเหตุจำเป็นจนโจทก์ไม่สามารถจะยื่นอุทธรณ์ตามกำหนดเวลาหรือไม่ จากพยานหลักฐานต่าง ๆ ได้ความว่าจำเลยได้แจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ณ ภูมิลำเนาโจทก์ โดยมีนาย พ. ซึ่งบรรลุนิติภาวะและอยู่ที่นั่นรับไว้แล้ว จึงเป็นการแจ้งการประเมินที่ชอบและถือได้ว่าโจทก์ได้รับทราบการแจ้งการประเมินแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 8 กรณีจึงมิใช่มีเหตุจำเป็นจนโจทก์ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ตามกำหนดเวลาได้ การที่อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ขยายกำหนดเวลาการอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

 

ปรับปรุงล่าสุด: 12-02-2021