คำพิพากษาฎีกาที่2074-2075/2548 | |
นายสุพจน์ มโนมัยพันธุ์ กับพวก | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 ป.รัษฎากร ว่าด้วยภาษีธุรกิจเฉพาะ มาตรา 3(5) , 91/2 (6) ว่าด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม มาตรา 77/1 มาตรา 91/1 วรรคสอง มาตรา 91/10 | |
ขณะที่โจทก์ทั้งสองขายที่ดินรวม 17 แปลง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2540 ที่ดินที่ขาย โจทก์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ลานจอดรถ สำนักงานของบริษัท ม.และบริษัท ร พ.ร.ฎ.(ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 มีผลบังคับใช้ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยในมาตรา 3(5) กำหนดให้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร บุคคลที่เป็นผู้ขายและมีหน้าที่เสียภาษี หมายถึงบุคคลตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 4ว่าด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 91/1 วรรคสอง ประกอบมาตรา 77/1 การขายที่ดินที่มีไว้ในการประกอบกิจการจึงเป็นการขายที่ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร แม้ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 ออกบังคับใช้แทนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 ก็เป็นเพียงกรณีที่รัฐประสงค์จะแก้ไขการจัดเก็บภาษีตามนโยบาย ไม่มีผลลบล้างบทบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับเดิมที่มีผลสมบรูณ์แต่อย่างใด โจทก์ต้องเสียภาษี ธุรกิจเฉพาะในอัตราร้อยละ 3 ภาษีท้องถิ่นร้อยละ 10 ของภาษีธุรกิจเฉพาะ และชำระภาษีแก่จำเลย ส่วนการงดหรือ ลดเบี้ยปรับ นั้น ปรากฏว่าโจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีไว้ในการประกอบกิจการเป็นการขายที่เป็นทางค้าหรือหากำไร เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากเงินได้พึงประเมินของผู้ประกอบธุรกิจเฉพาะนั้นๆ ซึ่งจะต้องไปยื่นชำระภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามมาตรา 91/10 เป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ขณะนั้น เมื่อโจทก์เพิกเฉย จึงต้องชำระเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม |